เรื่องขบขัน

ผมได้อ่านเรื่องนี้จากนาย tum จาก Freemac dot NET (tum@filmily.com) ครั้งยังเรียนมัธยมต้นด้วยกัน ผมรู้สึกประทับใจมากจึงขอเนื้อเรื่องไว้ นึกขึ้นได้ว่ายังเก็บไว้ในเครื่อง mac ของผมจึงอยากนำมารวบรวมไว้ที่นี่เสียด้วยกัน

เรื่องขบขัน (ถ้าไม่รู้สึกขบขันให้หาขันมาขบ จึงจะรู้สึกว่าขบขันอยู่)

สมัยปีพุทธศักราช ๒๓๐๒ ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก ๘ ปี พระเจ้ากรุงหงสาวดี ต้องการที่จะยกทัพมาล้อมตี กรุงศรีอยุธยา จึงปรึกษากับโหรซึ่งมีชื่อว่า “หงเท่ากระดี้” (ฮิ! ฮิ!) ว่า “เราต้องการที่จะยกทัพไปล้อมตีกรุงศรีอยุธยาให้หมด เจ้าจงตรวจฤกษ์ยามให้หน่อยซิ”

ท่านโหรหงเท่ากระดี้ “ฤกษ์ยามในครั้งนี้ไม่ค่อยจะดีพระเจ้าข้า ข้าพระองค์ขอแนะนำให้เปลี่ยนยุทธวิธีการรบจะดีกว่า”

พระเจ้ากรุงหงสาวดี “เอ้า! ว่ามา เจ้าจะทำอย่างไร”

โหร “ให้ยกกองทัพสตรี ๓๐,๐๐๐ นาง ไปล้อมตีกรุงศรีอยุธยาจึงจะตีแตก พระเจ้าข้า”

ดังนั้นกองทัพสตรีแห่งพม่าก็ยกทัพไปล้อมกรุงศรีอยุธยาภายใต้การนำของ หม่องกระโจ๊เผี่ยว (เฮะ! เฮะ!) และหม่อง กระจ๊อเลี่ยว (โฮะ! โฮะ!)

เมื่อทางฝ่ายพระเจ้าเอกทัต กรุงศรีอยุธยาทราบเรื่อง ก็ทรงถามโหรบ้าง ท่านโหรก็ตอบว่ากระไรนั้นไม่มีใครทราบนอกจากพระเจ้ากรุงศรีฯ เอง ซึ่งได้ยินแล้วถึงกับทรงพระสรวลลั่นท้องพระโรงและให้ขุนศรีสำรวจหึกและขุนศรีแสวงเหาะนำทัพ จากนั้นการรับมือกองทัพสตรีแห่งพม่าก็เกิดขึ้น โดยกองทัพบุรุษไทย ๓๐,๐๐๐ นาย ยกกระไดไปล่อ (ฮี่ๆ) กองทัพสตรี หม่องกระจ๊อเลี่ยวไม่ทราบจะทำเช่นไรจึงหันไปถามพี่ชายว่า

“พี่กระโจ๊เผี่ยว จะทำอย่างไรดี แล้วนี่มันกระไดอะรอ”

หม่องผู้พี่ “นี่แหละกระไดคนทอ และกระไดยาวถึงจอทุกอันเสียด้วย”

หม่องผู้น้องทำหน้าพิกลแล้วหันมาบอกอีกว่า “พี่ ให้ทหารสักสามกองร้อยยกหีบหนีก่อนดีไหม”

“เฮ้ย! เขาไม่ยอมหรอก พี่ว่าถอยทัพกลับก่อนดีกว่า” หม่องกระโจ๊เผี่ยวว่า

เมื่อยกทัพกลับถึงกรุงหงสาวดีแล้ว พระเจ้ากรุงหงสาวดีทราบเรื่องก็หันไปถามท่านโหรหงเท่ากระดี้ว่า

“เฮ้ย! ไอ้เจ้าหงเท่ากระดี้ ไทยเขาแก้เคล็ดได้ทำไงดีวะ”

หงเท่ากระดี้ “พระองค์จะต้องสะเดาะเคราะห์ด้วยการยุดให้หัวเก็ดเสียก่อน จึงจะกลับมาตีให้ไทยแตกได้ พระเจ้าข้า”

ทางพม่าจึงต้องกลับไป อีก ๘ ปีต่อมาจึงยกทัพมาล้อมกรุงศรีฯแตกในปีพ.ศ. ๒๓๑๐