วันที่ 9 ต.ค. 2549 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โดย ครม. ชุดนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 26 คน รับหน้าที่ 28 ตำแหน่ง นับเป็นครม. ชุดที่ 56 ของไทย และเป็นครม. ชุดที่ 41 ในรัชกาลปัจจุบัน
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติหน้าที่สำหรับคณะรัฐมนตรีใหม่ ดังนี้
“ขอขอบใจที่ท่านได้มาปฏิญาณก่อนรับหน้าที่รัฐมนตรี ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะว่ารัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องทำงานด้วยความซี่อสัตย์สุจริต อย่างที่ท่านได้ปฏิญาณ เพราะว่าถ้าไม่มีผู้ใหญ่ในประเทศที่ปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจ ก็ทำให้ประเทศชาติไปไม่ค่อยดี แต่ท่านก็ตั้งใจ และเมื่อตั้งใจแล้ว ก็ให้รักษาความตั้งใจนี้ ด้วยการปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์สุจริต และแน่วแน่
เข้าใจว่าท่านได้รับเลือกเฟ้นว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ หน้าที่นั้นไม่ได้หมายความว่า จะต้องทำด้วยความตั้งใจที่จะให้ได้ผลสำเร็จ คือ ผลสำเร็จไม่ได้หมายความว่า จะให้มีผลในทางวัตถุ แต่วัตถุก็จะต้องทำให้ดี เพราะว่าแต่ละกระทรวงก็ต้องทำ และโดยเฉพาะขณะนี้ ประเทศกำลังผ่านวิกฤตการณ์ ไม่ใช่เฉพาะในทางที่ต้องทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่ต้องทำด้วยความสามารถ เพราะว่าประเทศชาติกำลังผ่านระยะที่วิกฤติ ทั้งในด้านสถานการณ์ที่ต้องใช้ความสามารถในทางที่จะให้ประเทศรุ่งเรืองได้ แม้แต่ธรรมชาติก็อันตรายอยู่
ก็อย่างที่ท่านทราบ ฝนลงมาไม่ได้ปกติ ฝนลงมาแล้วไม่ได้สะสมไว้ ตามธรรมดาฝนลงมาเป็นของดี แต่ตอนนี้ฝนลงมา มาท่วมบ้านเมือง เมื่อไม่ได้รักษาบ้านเมืองมานานก็ทำให้ท่วมบ้านช่องของประชาชน ถ้าน้ำท่วมบ้านช่องของประชาชน ประชาชนก็เดือดร้อน การที่ฝน หรือน้ำมาท่วมบ้านช่องของราษฎร ถ้าทุกคนช่วยกันให้น้ำนั้นไม่ทำอันตราย ก็ไม่เป็นอะไร แต่เดี๋ยวนี้น้ำทำอันตราย ทำให้ประชาชนไม่สามารถอยู่ได้ จะต้องพยายามช่วยให้ประชาชนไม่เดือดร้อนจากน้ำท่วม
อย่างน้ำท่วมนี้ ไม่น่าจะเป็นร้ายแรง เพราะถ้านับดูจำนวนน้ำที่ลงมาจากฟ้า ก็ไม่ได้มากกว่าที่เคย แต่ทำไมลงมาทำให้เสียหาย เพราะว่าน้ำลงมา ไม่สามารถที่จะกั้นเอาไว้ได้ ไม่สามารถที่จะป้องกันไม่ให้น้ำมาทำลายประเทศชาติ ท่านต้องไปดูจำนวนน้ำที่ลงมา แล้วเปรียบเทียบกับปีอื่นๆ ไม่ได้มาก แต่ลงมาไม่ได้กั้นเอาไว้ เดี๋ยวนี้ลงมาผิดธรรมชาติ พรวดพราดลงมา แล้วก็อย่างที่เคยเห็นลงมา พยายามที่จะป้องกัน ก็ทำคันกั้นน้ำ น้ำก็ขึ้น ก็เอ่อ เมื่อน้ำเอ่อขึ้นมามาก น้ำก็ล้น น้ำก็ทะลุใต้ที่กั้น
ในเวลาอันสั้นนี้ นายกรัฐมนตรีได้ไปดู แล้วก็คงเข้าใจ ทำไมน้ำเอ่อขึ้นมาแล้ว น้ำหนักของน้ำก็ทำให้ทะลุ ทะลวงข้างใต้ขึ้นมา ก็เข้าไปท่วมถนน ท่วมบ้านช่อง แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็แก้ได้ยาก แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ที่มีความรู้ในทางวิชาการก็จะต้องพยายามป้องกัน อะไรที่เสียหายไปแล้ว ก็เสียหายไป แต่จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย จะต้องมีวิธีการต่างๆ นายกรัฐมนตรีคงเดือดร้อน เพราะว่าตอนนี้ทั้งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี จะต้องจ่ายเงินสำหรับไม่ให้เกิดเรื่องเดือดร้อนกับประชาชนต่อไป แต่อย่างไรก็ต้องทำ เพิ่งเข้ามารับหน้าที่ก็ลำบาก แต่เข้าใจว่าท่านเข้าใจแล้ว ก็ขอให้ช่วยให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
นอกจากนั้น เวลานี้บ้านเมืองได้รับความเดือดร้อน นอกจากน้ำท่วม ก็มีอย่างอื่น ที่มีคนเขาพูดมาก โดยเฉพาะไม่ใช่คนไทย คนต่างประเทศพูดว่า ประเทศไทยไม่ดี ก็จะต้องพยายามแก้ไข ถ้าไม่แก้ไข ประเทศก็เสียชื่อ เมื่อเสียชื่อแล้วก็จะเสียหายในเรื่องที่ประเทศชาติจะอยู่เย็นเป็นสุข ถ้าเขาว่าว่าคนไทยไม่ดี ก็จะทำให้คนไทย ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ปกครอง แต่ทุกคนก็กลายเป็นคนไม่ดี ก็ต้องพยายามแก้ไขอะไรที่ไม่ดี ให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นงานที่ยาก หนัก ก็ขอให้ท่านได้มีกำลังใจปฏิบัติงาน เพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ
ขอให้ท่านสามารถที่จะทำ ขอให้ท่านมีกำลังใจที่จะทำ แม้มีเวลาน้อย แต่เชื่อว่าท่านทำได้ เพราะท่านมีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ ก็ขอให้ท่านได้ผ่านพ้นอุปสรรค และขอบใจที่ท่านรับหน้าที่อันหนักนี้ และขอให้ทำด้วยความเข้มแข็ง และขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการที่ได้รับทำ เพื่อให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตการณ์ และมีความเจริญ มีความสำเร็จในการปฏิบัติ ขอให้ท่านมีความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ และมีร่างกายเข้มแข็ง แข็งแรง ไม่มีอะไรที่มาขัดขวาง ขัดขวางเลย ขอให้ได้รับความสำเร็จทุกประการ”
ที่มา หนังสืมพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2549