พระราชดำรัสในหลวงวันที่ 5 ธันวาคม 2550

วันพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2550 ปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา คลื่นพสกนิกรไทยทั่วประเทศพร้อมใจเดินทางมาร่วมถวายพระพร และแสดงความจงรักภักดี โดยมุ่งตรงสู่บริเวณพระราชพิธี นับตั้งแต่สวนจิตรลดา ถนนราชดำเนิน ท้องสนามหลวง และบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งบริเวณเขตพระราชฐาน ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เพื่อเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดเส้นทางที่ขบวนรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินผ่าน

คณะบุคคลทยอยรอเฝ้ารับเสด็จ

เวลา 09.15 น. คณะองคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ สมาชิกราชสกุล สตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ คณะทูตานุทูต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และแขกผู้มีเกียรติ เริ่มเดินทางมายังบริเวณพระบรมมหาราชวัง เพื่อรอเฝ้ารับเสด็จ

พร้อมกันนี้ภายในพระบรมมหาราชวัง ได้มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์และสังกัดกทม.มาประจำอยู่ถึง 30 จุด โดยมีทั้งหน่วยปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐานจนถึงหน่วยคนไข้ฉุกเฉิน ส่วนเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังจัดเตรียมขนม น้ำ และบะหมี่สำเร็จรูป ไว้คอยบริการบรรดาบุคคลที่มาเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบริเวณ หน้าศาลาสหทัยสมาคมอย่างทั่วถึง พร้อมได้ติดตั้งจอโปรเจคเตอร์ขนาดกว่า 4 เมตร ไว้ด้านบนของศาลาสหทัยสมาคม เพื่อถ่ายทอดภาพบรรยากาศจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และบรรยากาศภายในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวังด้วย

เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยรถยนต์พระที่นั่ง ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระโอษฐ์ให้กับประชาชนตลอดเส้นทาง ท่ามกลางเสียง “ทรงพระเจริญ” จากประชาชนที่รอเฝ้ารับเสด็จ 2 ข้างทาง พร้อมกับโบกธงชาติและธงตราสัญลักษณ์อย่างพร้อมเพรียง และเมื่อขบวนรถยนต์พระที่นั่งถึงยังพระบรมมหาราชวัง ได้เลี้ยวเข้าทางประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ ประตูราชสำราญ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

จากนั้นเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออกพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ คุณพลอยไพลิน เจนเซน องคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ สมาชิกราชสกุล และสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่ท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

พระบรมฯ ตั้งพระทัยมั่นรักษาสัตย์สุจริต

จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงยืนเฝ้าฯ ที่แท่นหน้ามุขเด็จ ทรงเปิดกรวยกระทง ธูปเทียนแพร พร้อมกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ ความว่า

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ มีความปีติปราโมทย์ล้นประมาณ ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา และได้เห็นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระพลานามัยสมบูรณ์ ผ่านพ้นโรคาพาธทั้งปวงมาโดยสวัสดี ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จพระบรมราชสมภพในพระบรมราชจักรีวงศ์ อันเป็นอัครขัตติยชาติ ผู้ทรงพระเจริญด้วยพระปรีชาญาณและเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันบริสุทธิ์ เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย

ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรงปฏิบัติพระองค์และ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อความผาสุขสวัสดิของประชาชนและความมั่นคงของ ประเทศชาติ ด้วยพระวิริยะ อุตสาหะ และพระขันติธรรมอย่างยิ่งยวด พระราชกรณียกิจทั้งนั้นได้ยังประโยชน์ให้เกิดแก่อาณาประชาราษฎร์และชาติไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล พระราชจริยาแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงเป็นบรรทัดฐานอันประเสริฐที่ชาว ไทยควรน้อมนำไปประพฤติตน ปฏิบัติงานให้บังเกิดศุภผล เป็นความดี ความเจริญแก่ตนและแผ่นดินไทย

ข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีโชควาสนาอย่างยิ่งที่ เกิดมาเป็นคนไทย ภายใต้พระบุญญาธิการบารมี ได้รับพระมหากรุณาชุบเลี้ยงให้มีความสุข ความเจริญ และมีเกียรติ เป็นที่เชิดชู ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าสำนึกรู้อยู่ตลอดเวลา ด้วยกตัญญูกตเวทิตาจิต ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้ จึงขอถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยความจริงใจว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะตั้งตัว ตั้งใจให้เที่ยงตรง มั่นคงอยู่ในความสัตย์สุจริต และความสมัครสามัคคีโดยไม่มีอคติครอบงำ จะอดทนอดกลั้นมุ่งมั่นปฏิบัติภาระหน้าที่ ที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ทั่วถ้วน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของชาติ ศาสนา และจะประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ควรปฏิบัติ จะละเว้นในสิ่งที่ควรละเว้น เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณและรักษาไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

จะขอพระราชทานตั้งสัตยาธิษฐานถวายพระพรชัยมงคล ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก กับทั้งพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ จงพร้อมกันอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงพระเกษมสุข ปราศจากมลทินทุกข์และพยาธิภัย มีพระราชประสงค์จำนงใดที่จะอำนวยประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ขอจงสำเร็จ ศุภผล ดั่งพระราชหฤทัยจำนงทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ” และเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ท้องพระโรงหน้า พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนสมาชิกสภานิติบัญญัติ นายวิรัตน์ ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนข้าราชการตุลาการ

ในหลวงทรงย้ำคนไทยสมานสามัคคี

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบ ความว่า “ข้าพเจ้ามีความปีติชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ที่ท่านทั้งหลายพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ขอขอบพระทัยและขอบใจในคำอวยพรอันเปี่ยมไปด้วยไมตรีจิต และความหวังดี ขอทุกท่านจงได้รับพรและไมตรีของข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน บ้านเมืองจะมีความมั่นคงเป็นปกติสุขอยู่ได้ ก็ด้วยนานาสถาบันอันเป็นหลักของประเทศและคนไทยทุกหมู่เหล่า มีความสมัครสมานปรองดองกันดี และรู้จักปฏิบัติหน้าที่ให้ประสานส่งเสริมกัน ความพร้อมเพรียงของทุกฝ่ายทุกคน ที่มีความสำนึกแน่ชัดในหน้าที่ ความรับผิดชอบ และตั้งใจปฏิบัติตนปฏิบัติงานให้ดี ให้ประสานสอดคล้องกันนี้ จัดเป็นความสามัคคีอย่างหนึ่ง คือความสามัคคีในชาติ ถ้าทุกคนในชาติจะได้ตั้งตน ตั้งใจให้อยู่ในความสามัคคีดังกล่าว ประโยชน์และความสุขจะบังเกิดขึ้นพร้อม ทั้งแก่ส่วนตัวและส่วนรวม ประเทศชาติของเราก็จะสามารถรักษาความเป็นปกติมั่นคง พร้อมทั้งพัฒนาให้รุดหน้าไปได้ดั่งปรารถนา ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยสุขสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลให้สัมฤทธิ์แก่ท่านทุกเมื่อได้”

จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวนำสรรเสริญทรงพระเจริญ 3 ครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโบกพระหัตถ์ และเสด็จฯ กลับเข้าไปด้านในท้องพระโรง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งเมื่อเวลา 11.58 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่งพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อเสด็จฯ กลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ซึ่งรถยนต์พระที่นั่งได้เคลื่อนขบวนไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ประชาชนที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทได้เห็นทั้งสองพระองค์อย่าง ใกล้ชิด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกรตลอดเส้นทาง ท่ามกลางเสียงตะโกนก้องทรงพระเจริญในขณะที่รถยนต์พระที่นั่งผ่าน


ที่มา หนังสืมพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เนื้อหาเป็นลิขสิทธิ์ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ – All contents are copyright of Nation Multimedia Group. All Rights Reserved.