แนะนำหนังสือ…ชุดธรรมะประยุกต์

คราวนี้ได้โอกาสเขียนถึงหนังสือที่ผมอ่านบ้าง จึงอยากประเดิมด้วยหนังสือที่เป็นแก่นสารของชีวิตแท้ๆ ใช่แล้วครับผมกำลังจะเขียนถึง หนังสือธรรมะที่ผมว่างเว้นการอ่านไปเสียนาน ได้อ่านครั้งนี้เป็นแง่มุมที่เข้าใจได้ง่ายจริงๆ ครับ

ผมได้หนังสือทั้งสองเล่มนี้จากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมื่อเดือนที่แล้ว ครั้นได้เห็นแล้วก็ไม่ลังเลใจที่จะหยิบฉวยกลับมาด้วย เพราะผมเคยได้อ่านงานเขียนของผู้แต่งอยู่สม่ำเสมอ ในนิตยสารชีวจิตที่ผมบอกรับเป็นสมาชิกอยู่ ท่านคือ ว.วชิรเมธี เจ้าของบทความ เกร็ดธรรมจากพระแท้ และ ธรรมะร่วมสมัย นั่นเองครับ

เริ่มกันเลยดีกว่าครับ

เล่มแรก ธรรมะติดปีก ข้อคิดติดปีกปัญญาจากพระแท้แห่งยุคสมัย

Image

เป็นการรวมบทความที่เคยจัดพิมพ์ไว้ในนิตยสารชีวจิต เรื่องราวหลากหลายแตกต่างกันออกไป แต่ก็ได้ทำการแบ่งหมวดหมู่ไว้เป็นสองภาคกับอีกหนึ่งภาคผนวก รวมทั้งหมดถึง ๓๐ เรื่อง

ภาคแรก เกร็ดธรรมจากพระแท้ เป็นการรวมเอาหลักคิดและวัตรปฎิบัติของพระเถระที่มีคุณูปการกับพวกเราชาวไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์? (โต พรหมรังสี) ท่านพุทธทาสภิกขุ หลวงพ่อชา สุภัทโท หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ หรือท่านพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต) รวมกันไว้ถึง ๒๐ เรื่อง โดยท่านใช้ภาษาและลีลาในการเล่าเรื่องอย่างสนุกสนาน เข้าใจง่ายๆ คล้ายจะเป็นอัตชีวประวัติของพระเถรานุเถระทั้งหลายนั้น แต่ก็เป็นการยกเอาประเด็นเด่นขึ้นมาเป็นธงนำไว้ก่อน ดังที่เห็นได้จากชื่อเรื่องเช่น “ลูกถีบหลวงพ่อชา” “เอาหูไปรองเกี๊ยะเขาทำไม” “กลับบ้านเก่ากันเถิด”

ภาคที่สอง ยารักษาใจ เป็นการยกเอาพระสูตรๆ หนึ่งขึ้นมาอรรถาธิบายแบบมินิซีรี่ย์ นั่นคือ โพชฌังคปริตร หรือที่คุ้นเคยกันว่าสวดโพชฌงค์ ๗ ที่มีอานิสงส์ในการรักษาบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ แต่ไม่ใช่ในทำนองปาฏิหารอะไรหรอกน่ะครับ เป็นเรื่องของการใช้สติและปัญญาพิจารณาบทสวดนี้ทั้ง ๗ หัวข้อในทุกรายละเอียดก็จะได้ความดื่มด่ำซึ้งใจในการเจริญธรรม อันจะยังผลมาบรรเทาความรู้สึกผิดปกติของสังขารร่างกายได้บ้างนั่นเอง รวมทั้งยังอธิบายถึงลักษณะและอานุภาพของเมตตา รวมทั้งวิธีการแผ่เมตตาและประโยชน์ของการแผ่เมตตาไว้ด้วย ทำให้ผมต้องหวนไปถึงเนื้อหาในเทปบรรยายธรรมเรื่อง “เมตตาที่ท่านยังไม่รู้จัก” ของท่านพุทธทาสภิกขุอยู่เหมือนกัน

Image

ส่วนภาคผนวก ก็เป็นการรวบรวมประวัติโดยสังเขบของพระเถระที่ยกมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้

ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องศึกษาหลักธรรมชั้นสูงมาก่อนแต่ประการใด เมื่ออ่านแล้วพิจารณาให้เข้าใจแล้วก็จะเป็นการติดปีกให้กับปัญญาของเราเพื่อเป็นพาหนะสำหรับยกระดับจิตใจให้ยิ่งเข้าใกล้บุญกุศลมากขึ้นๆ อยู่เสมอ

เล่มต่อมาคือ ธรรมะหลับสบาย ข้อคิดสลัดตัวโกรธจากชีวิตและเตียงนอน

Image

สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมแล้วความรู้สึกใดที่เกิดขึ้น (เวทนา) เราต้องมองให้เห็นเหมือนกับมันเป็นก้อนอะไรก้อนหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ตั้งอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็ดับไป ความโกรธก็เช่นเดียวกัน หนังสือเล่มนี้อธิบายอย่างละเอียดถึงที่มา การดำรงอยู่และการขจัดความโกรธได้อย่างน่ารักน่าชัง ทำไมผมถึงเปรียบอย่างนี้ ก็เพราะท่านผู้แต่งใช้วิธีการดำเนินเรื่องโดย การที่พระอาจารย์เขียนจดหมายส่งให้ลูกศิษย์เพื่ออบรมสั่งสอนให้เข้าใจถึงเรื่อง “รากแก้วของความโกรธ” “พินิจดูธรรมชาติของความโกรธ” ยังไปถึงวิธีการขจัดความโกรธ “เธอคือคนไม่สำคัญของโลก” “สลายต้นตอของความโกรธให้เหลือเพียง ‘ความว่าง’ “ จนถึง “ขุดรากถอนโคนความโกรธด้วยสมาธิภาวนา”

และที่ขาดไม่ได้นั่นคือ “เมตตาภาวนา : เยียวยาผืนแผ่นดินให้ชุ่มเย็น” ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ยังเน้นถึงเรื่องเมตตาเช่นเดียวกันเล่มที่แล้ว ชึ่งเมตตานี่เองที่เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ในการเจริญธรรมต่อๆ ไป

เอกลักษณ์ของหนังสือเล่มนี้คงอยู่ที่ลีลาในการเล่าเรื่องของพระอาจารย์นั่นเอง หากเปรียบผู้อ่านเป็นเหมือนลูกศิษย์ของท่านแล้ว ก็คงสัมผัสได้ถึงเมตตาของท่านที่ผ่านมาทางตัวหนังสือทั้งหลายนี้อยู่เสมอ

สุดท้ายนี้ผมอยากนำเสนอวิธีและอานิสงส์ของการแผ่เมตตาไว้ตรงนี้

แผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความลำบาก
อะหัง อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรค
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ    ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุขรักษาตนอยู่เถิด

แผ่เมตตาให้คนที่ตนโกรธและสรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขๆ เถิด อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขๆ เถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขๆ เถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ    จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกขภัยทั้งสิ้นเถิด

อานิสงส์ของเมตตา ๑๑ ประการ
๑. หลับเป็นสุข คือหลับง่ายและหลับสนิท
๒. ตื่นเป็นสุข คือสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
๓. ไม่ฝันร้าย
๔. เป็นที่รักของมนุษย์
๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ (สัตว์ดิรัจฉาน เทวดา ภูตผีปีศาจ)
๖. เทวดารักษา
๗. ไฟ ยาพิษ ศัสตราวุธไม่แผ้วพาน
๘. จิตเป็นสมาธิได้อย่างรวดเร็ว
๙. สีหน้าผ่องใส
๑๐. เมื่อถึงคราวตายก็จากไปอย่างสงบ
๑๑. หากยังไม่ได้บรรลุคุณธรรมระดับสูง ย่อมจะไปบังเกิดในพรหมโลก