ไหว้พระ ๙ วัด

ไม่กี่วันก่อน ชิงชัย เพื่อนสนิทผมอีกคนหนึ่งที่เกิดพร้อมกัน เกิดขึ้นบนโลกในเดือนและปีเดียวกัน เกิดเป็นลูกแม่รำเพยในปีและห้องเดียวกัน คือเข้าโรงเรียนเทพศิรินทร์พร้อมกันเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๒๘ โตมาด้วยกัน กินด้วยกัน สร้างธุรกิจด้วยกัน และก็ล้มด้วยกัน แต่ยังไม่เคยทำบุญร่วมกัน โทรมาชวนว่ามีโครงการจะไปทัวร์ไหว้พระ ๙ วันที่อยุธยา ในคราวแรกผมไม่สามารถไปได้เพราะรับปากแม่ไว้ว่าจะขับรถไปทำธุระที่เมืองชล แต่พอวางหูไปหลังจากสนทนากันให้หายอยากเพราะขาดการติดต่อกันไปช่วงระยะหนึ่ง ผมจึงลองปรึกษาแม่ดูว่าจะขอไปทำบุญได้ไหม

ไม่มีปัญหา เพราะแม่สามารถเปลี่ยนสารถีจากตัวผมเป็นพี่ชายผมได้ วันนี้จึงได้ไปร่วมการเดินทางที่แสนจะวิเศษของคนธรรมดาๆ คณะหนึ่งที่พ่วงด้วยพระเอกและนางเอกตัวน้อยๆ อีก ๒ หน่วย

เช้าตรู่วันนี้ ที่ปั๊มน้ำมันย่านตลาดสี่มุมเมือง รังสิต ทุกคนพร้อมออกเดินทาง เหลือไปรับข้างหน้าอีกคน ไปถึงวัดแรก วัดใหญ่ชัยมงคล (๑) ผมเคยมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้คนน้อยดี คงเพราะยังเช้าอยู่ ชอบ กราบพระประธานเสร็จ เดินไปกับเด็กๆ ไปให้อาหารปลา ผมเคยได้รับความรู้สึกปลดปล่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อครั้งไปให้อาหารปลาที่วัดไร่ขิง จึงค่อนข้างชอบกิจกรรมนี้ แล้วต่อด้วยไปกราบที่ตำหนักสมเด็จพระนเรศวร ขาเดินกลับผู้คนมากมายก็เริ่มมาถึงวัดเช่นกัน

ออกจากวัดไม่ไกลก็มาถึงวัดพนัญเชิง (๒) หลวงพ่อโต พระประธานองค์ใหญ่กำลังบูรณะอยู่ วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำริมฝั่งยังสูง และสายน้ำยังคงเชี่ยวกราดอยู่

ออกจากวัด ชาวคณะเริ่มถวิลหาอาหารเช้า แวะร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ พี่มนัสคนขับรถก็พาแวะร้านที่ตั้งอยู่ในซอย แต่ริมแม่น้ำพอดี พออิ่มหนำสำราญ ก็ได้คราวสนทนากับแม่ค้านิดหน่อย ได้ความว่าเมื่อครั้งน้ำมากไม่นานมานี้ ที่นี่กินเวลาอยู่เป็นเดือน ร่องลอยของน้ำสูงสุดยังฝากไว้ให้ดูต่างหน้า มันลดลงไปแล้วอยู่ในระดับที่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ มันลดลงไปไม่ต่ำกว่าเมตรเห็นจะได้ สายน้ำนี้เป็นสายเดียวกันที่เห็นจากวัดพนัญเชิง

ออกจากร้านขึ้นมาถนนใหญ่ ชาวคณะสนใจโรตีสายไหม จึงแวะซื้อมาละเลียดกันคนละเล็กละน้อย แล้วมุ่งหน้าวัดหน้าพระเมรุ (๓) ผมยังไม่เคยมาวัดนี้ ได้พบกับพระประธานทรงเครื่องของแท้ก็คราวนี้ นี่เป็นวัดเดียวของอยุธยาที่ไม่ถูกข้าศึกทำลายลง ทำให้สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาแท้ๆ ยังคงเหลืออยู่ให้ศึกษา ข้างๆ โบสถ์ยังมีวิหารที่ประดิษฐานพระคันธาราฏอายุถึง ๑,๕๐๐ ปี เป็นวิหารที่สูงเช่นเดียวกับโบสถ์แต่เล็กและแคบกว่ามาก พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่เป็นปางนั่งปล่อยขาลงเหมือนเรานั่งเก้าอี้ องค์ทำจากหิน ฐานของท่านจะตัววิหารเองก็ทำจากหิน ดูแล้วขลังมาก

จากนั้นก็มาต่อกันที่วัดเล็กที่ที่อยู่ในอาณาบริเวณของอยุธยาที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน เริ่มกันที่วัดกลางคลองสระบัว (๔) สภาพวัดเหมือนกำลังฟื้นตัวจากอุทกภัย คณะเราตัดสินใจที่จะถวายสังฆทานกันที่นี่พร้อมทั้งถวายปัจจัยบำรุงวัดเป็นการเพิ่มเติม เมื่อเสร็จแล้วหลวงพ่อที่รับสังฆทานก็แนะนำให้ไปไหว้ตำหนักร.๕ ที่วัดใกล้ๆ นี้

วัดนั้นคือวัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร (๕) ชื่อเหมือนจะเป็นวัดหลวง คณะเรามาถึงก็พบว่าตำหนักร.๕ ไม่เปิด โบสถ์ก็กำลังบูรณะอยู่ แต่ก็เปิดรับพวกเราเข้าไปสักการะ ในโบสถ์ นอกจากพระประธานแล้ว ยังมีรูปปั้นของเจ้านายชั้นสูงที่สร้างวัดนี้ ดูแล้วสภาพโดยรวมก็ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง แต่ผมรู้สึกว่าน่าจะมีอะไรขาดเหลืออยู่บ้าง ข้างประตูทางเข้ามายังโบสถ์ก็มีแผนงานของราชการในการทำนุบำรุงวัดนี้ ที่สำคัญก็คือจิตรกรรมที่เพดานที่ชำรุดไปมากพอสมควร

จากนั้นใกล้ๆ ก็พบอีกวัดหนึ่งพี่คนขับก็เคลื่อนรถเข้าไปไม่รอช้า วัดนี้คือวัดศรีโพธิ์ (๖) เป็นวัดที่อยู่ในประวัติศาสตร์ครั้งรบสงครามว่าเป็นสถานที่ในการเจรจาเรื่องการรบขณะนั้น ข้อมูลในวัดอธิบายไว้ ผมและชิงชัยเข้าไปกราบประธานเสร็จแล้วก็เดินออกมาสนทนากันด้านนอก ปล่อยให้ชาวคณะท่านอื่นๆ ทำบุญห่มผ้าเจดีย์ขนาดย่อมของวัดกันตามสะดวก

เวลาเลยเพลและได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว แต่ทุกคนก็ไม่รู้สึกอะไร จึงตกลงกันว่าจะไหว้พระให้ครบแล้วค่อยหาอาหารเติมพลังกัน จึงเดินทางมาต่อกันที่วัดมงคลบพิตร (๗) วัดนี้มีโบสถ์ที่เสียหายอย่างมากในอดีต คงเหลืออยู่แต่พระประธาน ภายในโบสถ์จะมีภาพในอดีตให้ดูเป็นเหมือนบันทึกเล่าเรื่อง อีกทั้งยังอธิบายถึงดำริในการบูรณะปฏิสังขรณ์จนกับมาเป็นที่เคารพบูชาของคนในปัจจุบันได้ ผมไม่เคยได้เดินชมบริเวณวัดโดยรอบเสียที เพราะมาถึงวัดกี่ครั้งก็เป็นช่วงเวลาที่แดดจัดมาก ไม่เหมาะกับการเดินชมไปทั่วๆ หลังจากไหว้พระประธานแล้วจึงเลือกมาเดินดูตลาดนัดแทน ชิงชัยเพื่อนผมได้หนังปลาทอดกรอบเป็นของฝาก ผมเดินตัวปลิวเช่นเคย

ชาวคณะเริ่มปรึกษากันว่าหากไปไหว้เกิน ๙ วัดก็คงไม่เป็นไรกระมัง เพราะยังวัดที่น่าจะไปไหว้อีกหลายวัด แล้วมาต่อกันที่วัดธรรมิกราช (๘) เป็นวัดเก่าที่วิหารเหลือเพียงซากแต่ยังพอเห็นเค้าความรุ่งเรืองอยู่ ด้านหนัาจะมีเจดีย์ที่มีรูปปั้นสิงห์รายล้อมอยู่ ตัวเจดีย์ก็ชำรุดไม่น้อยไปกว่าวิหาร และสิงห์ก็ชำรุดไปพอสมควร ผมเดินไปสักการะโบสถ์เล็กๆ ข้างๆวิหารใหญ่ เสร็จแล้วก็เดินออกมาสักการะพระนอนในวิหารเล็กๆ ด้านหน้าอีกแห่ง เมื่อเสร็จก็ได้ทราบว่ามีผู้มีจิตศรัทธาได้นำเต้าหู้ทอดมาบริการผู้ที่เข้ามาทำบุญ ชาวคณะไม่มีใครพลาดความอร่อยครั้งนี้ ได้รองท้องไปในตัว ขออนุโมทนาท่านผู้มีจิตศรัทธาเป็นอย่างสูงด้วยครับ

ถึงตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะมุ่งหน้าไปที่วัดตะโก (๙) ในอำเภอภาชีเป็นวัดสุดท้าย ทัวร์ครั้งนี้จะไม่สำเร็จลงไปหากไปไม่ถึงวัดนี้ที่หลายๆ คนตั้งใจไว้ว่าจะไปเช่าวัตถุมงคล อำเภอภาชีออกจะห่างไกลออกไปจากตัวเมืองพอสมควร ถึงขนาดระหว่างเดินทางนั้นเอง ผมได้งีบหลับชาร์จไฟได้ช่วงระยะหนึ่ง ยังไม่ถึงดีก็พบปัญหาว่าแผนที่วัดที่ได้มาไม่ทราบว่าไปอยู่เสียที่ไหนแล้ว จึงต้องใช้บริการคนในพื้นที่ และปั้มน้ำมันก็เป็นทางเลือกลำดับแรกเช่นเคย ได้ความว่าหนทางอยู่ข้างหน้าอีกไม่ไกลจริงๆ แค่เลี้ยวขวาเลียบคลองประปาไปอีกสัก ๓ กิโล น้ำที่วัดพนัญเชิงสูงและเชี่ยวกราด แต่น้ำในคลองชลประทานข้างๆ นี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำไม???

ไม่นานชาวคณะก็พบป้ายบอกทางไปวัดหลวงพ่อรวย หรือวัดตะโก และในที่สุดเราก็มาถึง เสียดายที่หลวงพ่อรวยท่านอาพาธอยู่ ไม่อย่างนั้นจะได้นมัสการเพื่อเป็นศิริมงคล จึงต้องเลือกสักการะท่านที่วิหารเล็กๆ ข้างหน้าแทน แม้กระทั่งตัวโบสถ์เองก็ยังปิด แต่บริการให้เช่าวัตถุมงคลไม่มีวันหยุด ขณะที่ชาวขณะง่วนอยู่กับจุดประสงค์สำคัญของวันนี้ ผมกลับสนอกสนใจตัวอาคารยกพื้นสูงที่ตั้งอยู่หน้าวัดนี้เป็นพิเศษ เพราะผมกำลังถวิลหาแบบบ้านยกพื้นสูงเพื่อนำมาศึกษาและกำหนดรายละเอียดสำหรับการดำเนินชีวิต หากวันหนึ่งได้สร้างบ้านแบบนี้จริงๆ ขึ้นมา

เมื่อสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว จึงมุ่งหน้ากลับกรุงเทพโดยมีประสงค์จะหาอะไรเติมพลังตามอัตภาพเป็นอาหารกลางวัน ไม่นานก็มาถึงร้านข้างแกงขนาดพอสมควรริมทางถนนพหลโยธิน ย่านวังน้อย เวลาเดินมาถึงบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ทุกคนได้เติมพลังกันตามความพอใจโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรมาบังคับ เพราะวันนี้ได้ทำบุญสำเร็จตามตั้งใจไว้แล้ว บุญกุศลนั้นก็จะตามมาเมื่อใจเราเป็นกุศลนั่นเอง

อิ่มหนำสำราญ เดินทางเข้ากรุงเทพ ดีที่ชาวคณะส่วนใหญ่กลับมายังจุดนัดพบแรกที่ย่านปิ่นเกล้า ผมจึงได้โอกาสลงรถที่ปากซอยพอดี ครั้งหน้าหากมีโอกาสได้เดินทางกันอีก คงได้ไปร่วมที่จุดนัดพบนี้เช่นกัน เพราะเพื่อนของเพื่อนผม ขณะนี้ก็เป็นเพื่อนของผมได้ด้วยเหมือนกันแล้ว ขณะที่ลงจากรถ เสียงขอบคุณของผมที่เปล่งออกไป ได้รับเป็นมิตรภาพที่รอจะได้กลับมาเดินทางร่วมกันอีกเมื่อชาติต้องการ วันนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับผมในรอบหลายปีนี้เลยทีเดียว

ขอบคุณชิงชัยที่ชักชวน ขอบคุณชาวคณะสำหรับน้ำใจและมิตรภาพที่มีให้ ขอบคุณมากครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม