เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้ (4 ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนิน ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ รวมทั้งสิ้น 23,526 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2549
หลังจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ในนามผู้เข้าเฝ้าฯ ทั้งหมดแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง มีพระราชดำรัสต่อคณะผู้เข้าเฝ้า ความว่า
ขอขอบใจที่ท่านทั้งหลายมาให้พรในวันนี้ และที่นายกฯ ได้กล่าวคำให้พร ซึ่งนับว่าเป็นคำให้พรที่ให้กำลังใจต้อง มีกำลังใจอย่างเสมอ เมื่อครู่นี้ไม่ได้ลุก เพราะว่ากำลังใจอาจจะมี แต่กำลังกายไม่มี ฉะนั้นจึงไม่ลุกขึ้น ถ้าลุกขึ้นก็เสียกำลังกายเปล่าๆ แต่ท่านก็เข้าใจที่ว่าอย่างนี้ เพราะว่าจะต้องรักษากำลังกายไว้ให้ดี ซึ่งกำลังกายไม่ค่อยดี ด้วยเหตุว่าการออกกำลังนี้เกินส่วนที่จะมีทางที่จะมีกำลัง ก็เลยต้องประหยัดกำลัง แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้ามีกำลังกายไว้ก็คงเข้าใจว่า จะมีประโยชน์เพราะว่าชาติบ้านเมืองต้องใช้กำลังกาย กำลังจิตใจด้วย อย่างที่ท่านนายกฯ ต้องออกกำลังกาย และกำลังจิตใจ คนก็ได้เห็นทั้งนั้นว่าได้ประโยชน์ ต้องอธิบายนิดหน่อย
แต่การที่มีกำลังใจกำลังกายนี้จะต้องให้ทุกคนได้ร่วมกันช่วยกันร่วมกันออกกำลังกาย กำลังใจเพื่อให้ชาติบ้านเมือง รอดพ้นอันตรายได้ คนก็เอะอะเดี๋ยวนี้ก็โยนให้รัฐบาลต้องทำ ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ค่อยมีกำลัง เพราะว่ารัฐบาลนี้แก่มาก ก็ความจริงความแก่นี่เป็นกำลัง ข้าพเจ้ายังไม่ถึง 79 ยัง 78 พรุ่งนี้ถึงจะเป็น 79 และก็ยังไม่ถึง 80 เอะอะอะไรก็บอกว่า 80…80 คนที่อายุ 80 ท่านมีกำลังมาก ฉะนั้นนายกฯ ยังไม่ 80 นายกฯ มีกำลังมาก แต่ข้าพเจ้าไม่กี่วันก็จะเข้าปีที่ 80
ในปีที่ 80 นี้นับว่ามาก และก็ความจริงคนที่อายุ 80 เชื่อว่ามีกำลังที่จะปฎิบัติงานได้อีกแยะ ไม่ใช่น้อย ฉะนั้น ที่พูดเพิ่งเริ่มต้นนี้ ดูท่าทางเหมือนว่าน้อยใจว่าอายุมาก แต่ถ้าอายุมากขึ้นแล้วเป็นประโยชน์ได้เปรียบ คนไหนที่อายุน้อยเสียเปรียบ เพราะไม่มีความรู้ เรียกว่าคนที่อายุน้อยๆ เป็นคนที่เซ่อ เป็นคนที่ไม่มีความสามารถ ฉะนั้นคนที่อายุมากๆ เป็นคนที่ได้เปรียบ เพราะว่าถ้าใช้คุณสมบัติของคนที่มีอายุ เรียกว่ามีประสบการณ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคนที่ได้เปรียบ และคนที่อายุน้อยอาจะดูถูกคนที่อายุมาก เพราะมีปมด้อยนั่นเอง คนที่อายุน้อยๆ นึกว่าไม่มีความสามารถเลยดูถูกคนอายุมาก แต่ขอบอกว่าคนอายุมาก ถ้ารักษาความดี รักษาคุณสมบัติ คุณธรรม ก็ได้เปรียบคนอายุน้อยและในประเทศชาติถ้ามีคนที่มีอายุมากและได้เปรียบ ถ้ามีแต่คนเด็กๆ ที่มีไม่ถือว่ามีความสามารถ ชาติบ้านเมืองไม่ก้าวหน้า จะต้องพูดอย่างนี้
พูดอย่างนี้ ท่านผู้ใหญ่อาจจะบอกว่าดีแล้ว คนที่อายุมากมีประโยชน์ แต่คนที่อายุมาก แต่ว่าไม่ใช้ความได้เปรียบของความที่อายุมาก ก็เป็นเด็ก เป็นคนที่เยาว์ในความคิดและอันตรายมาก และที่มีคนที่เขาบอกว่าแก่แล้ว แล้วน้อยใจว่าแก่ เมื่อน้อยใจว่าแก่ คนอย่างนี้ เป็นคนที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ และคนที่เป็นผู้ใหญ่ทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ มัวแต่ไปน้อยใจว่าอายุมาก แก่ และก็ไม่ใช้ความมีอายุมากเป็นประโยชน์ น่าอนาถ ถ้ามัวแต่บอกว่าเราแก่ แล้วก็น้อยใจว่าแก่ ไม่มีดีแน่ เพราะว่าแสดงให้เห็นว่าแก่จริงๆ ทั้งหมดที่บอกว่าตัวแก่ แล้วมันไม่ใช้ ทำไมไม่ใช้ความแก่ ความชรา ความก้าวหน้า จิตใจที่อายุมาก ที่มีประสบการณ์มาใช้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนร่วม
ถ้าคนที่อายุมากแล้วก็ใช้ความอายุมากเป็นประสบการณ์ คนมีประสบการณ์ช่วยคนอื่นได้มากกว่าคนที่เยาว์ไม่มีประสบการณ์ ทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ เพราะคนที่เชื่อว่าคนอายุมากเป็นคนหงำเหงือก เป็นคนไม่มีประสบการณ์ เพราะว่าคนที่อายุมากมีประสบการณ์ จะมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน แต่ก็มีประสบการณ์ เราเรียนมากหรือน้อยแต่ก็มีประสบการณ์ ประสบการณ์นี้ช่วยให้ส่วนรวมก้าวหน้าได้ในระยะหลังนี้ ดูว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์ แก่ ได้ทำให้บ้านเมืองล่มจมไปเยอะ ฉะนั้น ขอให้คนที่เค้าว่าว่าแก่ แต่ว่ามี ประสบการณ์ แล้วมีประสบการณ์ที่ดีทำให้บ้านเมืองดำเนินงานไปได้ ขอให้พวกที่แก่มีความสำเร็จในการงาน ก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ
ที่พูดถึงแก่ อายุมาก พูดถึงคนอายุน้อย เป็นคนรู้สึกว่ากระตุกๆ เพราะเขาบอกว่าแก่ ตอนที่รัฐบาลได้มีการตั้งรัฐบาลก็ได้ดี โดยที่คนตั้งใจ คนที่จะทำงาน พยายาม ก็ไม่ทราบว่าได้ตั้งใจจริงๆ หรือไม่ แต่ว่าคนแก่เพิ่งมาเป็นผู้ใหญ่ หรือเป็นตำแหน่งใหญ่ ก็ไม่มีต้องการอะไร ไม่มีความโลภว่าจะต้องการตำแหน่ง แต่ว่าเห็นว่าต้องมีคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง ผู้ที่อายุมาก ก็ยอมรับเค้าจะว่าว่าแก่ ก็ไม่มีใครว่า ผู้ที่ได้มารับตำแหน่งรัฐบาล ตำแหน่งที่สำคัญๆ เพราะได้ทำมามากแล้ว ที่เขาว่าว่าแก่ ตรงข้ามก็คงต้องคิดว่าเป็นคำชมเชย ว่าอุตสาห์แก่แล้ว ควรจะพักผ่อนได้ ไม่เอา เขาขอให้เป็นก็เป็น เป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่คนที่ว่าอาจจะอิจฉาก็ได้ ก็ช่างเขา เขาทำไม่ได้ คนที่รับเป็นเข้าใจเดาใจว่า ถ้าสมมติทำขึ้นมาแล้วทำไม่ได้ก็บอกว่าทำไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้เคยเป็น ไม่เคยทำหน้าที่นั้น ทำเท่าที่ทำได้ เพราะเชื่อว่าทำได้ เพราะเชื่อว่ามีประสบการณ์
ในวันที่มารับตำแหน่ง มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า มารับตำแหน่งในเวลาที่ระยะเดือดร้อน ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่อยากพูดการเมือง ท่านว่าเบื่อแล้ว แต่ว่าน้ำมันท่วม และที่บอกว่าน้ำลงมามาก แล้วก็บอกว่าความจริงไม่มากเท่าที่เคยรู้สึกปีต่างๆ จริงๆ น้ำไม่น้อย แต่ไม่มากเท่าที่เคยมา 2-3 วันมานี้คนที่เขารู้เรื่องน้ำ บอกว่าจริง ปีนี้ที่ลงมานั้น น้ำที่หล่นจากฟ้าน้อยกว่าปี 2538 น้อยกว่าจริงๆ เราก็พูดมีประสบการณ์ว่า จำได้ว่าน้ำจากปี 38 มากจริงๆ แต่ปีนี้ไม่มากเท่าปี 38 ก็มาบอกว่าจริง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่มาดู มาเกี่ยวข้องกับน้ำ น้ำน้อยกว่า แล้วก็แต่ว่า ปีนี้ร้ายแรงกว่าเพราะว่าบริหารน้ำไม่ดี
คำว่าบริหารน้ำหมายความว่าเวลาจะปล่อยน้ำลงไป เวลาที่จะกักน้ำ ไม่ทัน ปีนี้ถ้ากักไว้ แล้วปล่อยในเวลาที่ถูกจังหวะ ก็เชื่อว่าไม่ท่วม แต่ยังไม่ช้าเกินไป เป็นเวลาที่จะบริหารน้ำให้ดีขึ้น วันนี้ สนุกๆ ไม่มีข้อมูล 2-3 วันข้างหน้า น้ำจะมากแค่ไหน ขึ้นลงมากกว่าปี 38 แต่ว่าที่ดูในปีนี้ แก้ไขได้ คือบริหารน้ำไม่ให้ท่วมได้ เพราะว่าเรามีอุปกรณ์ที่สมัยใหม่ที่จะทำให้น้ำลดลงไป หายไปได้ดีกว่าปี 38
ปีนี้หลายแห่งทำได้โดยเฉพาะที่แม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ปลายๆ แม่น้ำเจ้าพระยา ถึงเวลาน้ำขึ้นเรากั้นเอาไว้ไม่ให้น้ำขึ้นมาท่วม ที่พูดถึงโดยเฉพาะกรุงเทพ ถึงเวลาก็ปล่อยได้ และโดยเฉพาะแห่งเดียว ที่เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วคือที่พระประแดง ที่มีอุปกรณ์ที่เวลาน้ำขึ้นกักเอาไว้ แล้วเวลาน้ำลงปล่อยให้ลง ลงที่คลอง… คนแก่จำไม่ได้แล้วอยู่ที่… ได้ทำโครงการ ทำโครงการที่จะปล่อยน้ำออกไปได้เวลาน้ำลง และก็เวลาน้ำขึ้นก็ปิดเอาไว้ ตรงนั้นคลอง 600 เมตร หากเปิดมันทะลักเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าปิดน้ำจะพร่องไป พร่องไป
อันนี้วิธีที่จะบริหารน้ำให้ดีก็วิธีที่ทำจะให้ทราบว่าเวลาไหนน้ำกำลังขึ้นปล่อยให้ออกไป พร่องไปที่ทางก่อนเปิด กว่าจะถึงตรงปลายน้ำก็ลง เพราะน้ำขึ้นเป็นเวลา น้ำลงเป็นเวลา แต่ว่าเวลาน้ำขึ้นมันมีเวลาของเขา จำเอาไว้ว่าช่วงเวลานั้น เวลานั้นสูงขึ้นมา 2 เมตรกว่า เวลาน้ำลงเขาก็ลงไป ทำให้เป็นจังหวะ ถ้าไม่ได้จังหวะ เปิดประตูน้ำเวลาน้ำขึ้นมันก็ทะลักเข้ามา ก็เข้ามาอาจจะท่วมได้น้ำอาจจะขึ้นไปสูงกว่า 2 เมตร น้ำขึ้น 2 เมตร 20 หรือ 2 เมตร 30 แต่ถ้าเราปิดในเวลานั้น น้ำก็ไม่ทะลักมาในถนนในกรุงเทพ เวลาน้ำลงก็ปล่อยมา ก็หมายความต้องทำให้ถูกต้องเป็นเวลา ถ้าเป็นเวลาแล้วน้ำไม่ท่วมกรุงเทพ แต่ถ้าไม่ทำให้ถูกต้อง ถูกเวลา ถ้าฝนตกลงมาด้วย ซึ่งครั้งนี้ฝนตกไม่มาก แต่ถ้าฝนตกน้ำท่วมรถแล่นไปก็จมน้ำ
ฉะนั้นผู้ที่มีหน้าที่ไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้ก็ต้องทำต้องบอกเขาให้ปล่อยน้ำตามเวลา น้ำท่วมก็กักเอาไว้ แต่มีแห่งเดียวที่มีอุปกรณ์อยู่แล้วที่อื่นก็ควรจะทำ บอกมาหลายปีแล้ว แถวสมุทรสาครควรจะทำได้ แต่ก็ต้องลงทุนไม่ใช่น้อย ข้อสำคัญต้องลงแรง ตามคลอง ชายทะเลก็เคยมี ในปี 2538 นั้น ส่งราชองครักษ์ไปดูโดยมากเป็นตอนกลางคืน ไปไป เห็นคนนอนหลับสบายมีชายทะเล บางทีไป ไปทักทาย เพราะว่าได้ไปพบว่าจะเปิด ไม่เปิดแน่ เพราะว่าเขาไม่ได้บอกให้เปิดก็ไม่เปิด เขาไม่ได้บอกให้ปิดก็ไม่ปิด น้ำก็ทะลักท่วมในคลองท่วมหมดน้ำจากชายทะเล แต่ถ้าทำถูกจังหวะน้ำไม่ท่วม ตอนที่ทำทางโน่นทางฝ่ายกทม.นั้น ก็รู้แต่ไม่รู้เรื่องว่ามันเป็นยังไง คนที่ติดชายทะเลนอนสบาย เขาบอกว่าคุณมาจากไหน รู้เรื่องได้อย่างไร น้ำมันท่วมจริงๆ นะ เขานึกว่าทำไมมาบอก รู้ว่าขึ้น ก็ไม่ปิด ทำไมรู้ว่ามันลงก็ไม่เปิด เขาก็ถามว่าอยู่ตำแหน่งอะไร เขาบอกว่าเป็นนายพล เป็นนายพลมาจากไหน มาจากในวัง ก็เลยชัดเจนรู้ ก็เลยเข้าใจว่าทำไมรู้เรื่องนี้เขาก็เชื่อ แต่ว่านายไม่เชื่อ นายใหญ่ต่างๆ เขาไม่ได้สั่งว่าเวลานั้นเวลานั้นต้องเปิดต้องปิด ที่ต้องเปิดต้องปิดเวลานี้เพราะเขาว่าน้ำไม่คอยใคร น้ำขึ้นน้ำลง ท่านเป็นทหารเรือ ปกติเป็นทหารเรือต้องรู้ว่าเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงเวลาไหน แล้วก็ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำท่วม อันนี้ไม่กระทบตัวเขานอนสบาย ไม่ท่วม แต่ว่าคนที่อยู่ข้างในท่วม ฉะนั้น เดี๋ยวนี้ยังมีเวลาแก้ไข ไม่งั้นเดี๋ยวปีใหม่น้ำก็ท่วมอีก ก็เลยบอกว่าถ้าท่านที่มีหน้าที่ไปดู ไปดูว่าจะต้องให้ใครทำ
เมื่ออาทิตย์ สองอาทิตย์ สมเด็จพระเทพฯ ไปดูตอนมืด มืดแล้วเราต้องไป เพราะเขาไม่เห็น แต่ยังไงก็น่าจะไป หรืองานข้าพเจ้าหมดแล้วหรือวันสองวันนี้ก็จะน่าจะหมด ก็จะไปดู พระเทพฯ ท่านก็ไป ไปดู เพราะว่ายังจำเป็นที่จะดู แต่ว่าข้าพเจ้าไปไม่ได้ ไม่ไหวปวดหลัง เลยไม่ได้ไป ที่ไปดูตรงนี้สมเด็จพระบรมฯ สมเด็จพระเทพฯ ก็ไป แต่ว่าบอกว่ายังไม่รู้เรื่องว่าควรจะเปิด-ปิดยังไง ต้องมีการตั้งเวลาให้เหมาะสมให้ถูกต้อง
แต่ตอนนี้ก็เปิดทางชลประทานเขาบอกว่า เขาไล่ที่ไปหมดแล้ว ปลายปียังมีอีกเดือนที่จะสกัดแม่น้ำเพราะน้ำฝนยังลง เลยให้ทำให้ถูกต้อง เพราะเชื่อว่าจะดี ไม่ช้าเกินไป ทำไม่จวนจะหมดฤดูกาลแล้วถึงมาพูด แต่ว่ามาพูดเพราะว่าที่ผ่านมา พูดไม่ค่อยได้ยิน เพราะเสียงมันแหบ วันนี้ได้ใช้อย่างที่บอก เวลาที่บอก อย่างนี่รัฐมนตรีเป็นคนโทรมา ก็จะติดต่อไป ก็เอาไปแล้ว ก็ต้องติดทีละนิด วันนี้เสียงนับว่าดี ได้แจ้งให้ทราบว่าจะต้องทำอะไรสำหรับเรื่องน้ำท่วม แต่ว่าการที่พูด เราก็ไม่ได้พูดมาก เพราะว่าคนพูดมากเป็นไฟน้ำท่วมทุ่ง เพราะกลัวว่าเดี๋ยวน้ำท่วมทุ่ง ตลอดอ่างทองลงมาถึงนนทบุรี น้ำท่วมทุ่งก็หมายถึงคนพูดมากเกินไป คนพูดมากเกินทำน้ำท่วมทุ่ง ที่นาท่วมหมด ก็ไม่ค่อยอยากพูดมากเกินไป พูดมากแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่สำคัญ คนอื่นๆ ที่ไม่ได้พูด
เราเอาไว้ปีหน้า ปีหน้าน้ำไม่ต้องท่วม เพราะว่านายกฯ ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้นะปีหน้าท่านอาจจะอยู่ก็ได้ พูดอย่างนี้เดี๋ยวฝรั่งหาว่า เดอะคิง สั่งนายก ไม่ ไม่สั่ง สั่งไม่ได้ พล.อ.สุรยุทธ์ ใครจะสั่งให้ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าท่านแข็ง ท่านแข็ง เพราะท่านก็ไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า มีหลักมีเกณฑ์ ปีหน้าสั่งอะไรไม่ได้แล้ว ปีหน้าท่านก็สบาย ไม่ต้องแสดงให้เห็นว่า ทำอะไรที่ดี เรียบร้อย ก็เชื่อว่าจะสำเร็จเรียบร้อย ก็มีบางอย่างที่ทำแล้วรู้สึกไม่แน่ใจว่าทำถูกหรือไม่ถูก แต่ยังไงก็เชื่อว่า ทำด้วยความตั้งใจดี ทำด้วยความตั้งใจแน่วแน่ ก็คงต้องหาวิธีที่ว่าทำดี และก็ไม่ต้องพูดมากด้วย ถ้าพูดมากเขาก็จะเอาผิดอย่างนี้ต่อไป เรียกว่าการปกครองก็จะได้ทำประโยชน์ ได้ทำตัวอย่างแล้ว แต่ถ้าคนไม่เอา ไม่ต้องการตัวอย่าง บอกว่าที่ทำ ขอหน่อย ก็ช่างหัวเขา คนพวกนี้ไม่เชื่อว่าคนที่ทำด้วยความตั้งใจ ไม่มีผลประโยชน์ของตัว แต่ยังไงก็ตามเชื่อว่าถ้าหากทุกคนที่มีตำแหน่งสำคัญ ก็คงทำด้วยความตั้งใจดี ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ก็เชื่อว่าบ้านเมืองจะผ่านพ้นอันตรายได้
มีคนไทยหลายคนอาจจะถาม ทำไมต้องพูดอย่างนี้ ที่พูดเพราะคนที่ทำมีความตั้งใจดีๆ แต่มีคนที่ไม่ดี ไม่มีความตั้งใจดีก็มี หรือถ้ามีแต่ตั้งใจดีแต่ไม่รู้เรื่องก็อาจจะเสียหายได้ เพราะฉะนั้นก็หวังว่าทุกคนที่รู้หน้าที่จะได้ทำตามหน้าที่ จะได้อายุ 80 ปีแบบสบายใจ อายุ 80 ปี พี่สาวเคยบอกว่า เวลาอายุ 80 ปี ไม่ไหว ท่านอายุ 84 ปี ท่านไม่ค่อยสบาย เรื่องอายุต้องพูดถึงท่าน ขอให้ท่านสบาย ขอให้สำเร็จในการรักษาตัว
ดูในห้องนี้ที่เป็นผู้ใหญ่ เหลือข้าพเจ้าคนเดียว ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วก็ที่ท่านมาให้กำลังใจในวันนี้ จะทำให้ข้าพเจ้าทำงานทำการต่อไปได้ วันนี้มีความรู้สึกว่า คนที่มานั่งฟังเด็กๆ ทั้งนั้น นอกจากคนแถวนี้ แก่ๆ กันทั้งนั้น แต่ส่วนมากก็เด็กกว่าเรา ประหลาด ไม่เคยนึก มีคนเดียวที่แก่ คนเดียวที่แก่กว่า แต่ว่าท่านก็ไม่ยอมแก่ ก็เลยนึกว่าคนที่แก่แต่ไม่ยอมแก่ทำงานเข้มแข็ง ก็ดี คนแก่แต่ไม่ยอมแพ้ หวังว่าทุกคนที่ทำงานด้วยความตั้งใจ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความรู้ตัวว่า ทำงานด้วยความแก่ที่ดีให้สำเร็จ มีความสำเร็จ
ก็ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในงานของคนแก่ แต่ว่างานที่ถูกต้อง คนที่ทำคือไม่ถูกต้องไม่ได้ ไม่ให้พร วันนี้ก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในงานการของคนแก่ เพื่อให้ส่วนร่วมได้สามารถปฏิบัติเป็นคนดี อย่างคนแก่ หรือที่ถือว่าเป็นคนแก่แต่ก็ทำงานด้วยความตั้งใจ ก็ขอให้ประสบความสำเร็จเรียบร้อยทุกประการ
ที่มา หนังสืมพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549