หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุมรณภาพแล้ววันนี้

วันนี้เวลา 09:09 น. พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี ได้มรณภาพแล้ว ที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยวัย 97 ปี

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุอาพาธมีอาการเจ็บหน้าอกและเข้ารักษาตัวที่ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว กระทั่งมรณภาพเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สิริรวมอายุได้ 97 ปี

ขณะนี้ทางโรงพยาบาลศิริราช กำลังเตรียมแถลงข่าวเกี่ยวกับอาการอาพาธของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ซึ่งจะนำเสนอรายละเอียดต่อไป

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

สำหรับประวัติของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

เดิมชื่อ ปั่น นามสกุล เสน่ห์เจริญ เกิดเมื่อวันวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2454 (ตรงกับรัชกาลที่ 6) ตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ปีกุน ที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เป็นบุตรของนายวัน – นางคล้าย เสน่ห์เจริญ มีพี่ชาย 1 คน พี่สาว 2 คน และน้องสาว 1 คน

วัยเด็ก

เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง จากนั้นย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนประจำจังหวัดพัทลุง จนจบชั้น ม.3 ในสมัยนั้น แล้วไม่ได้ศึกษาต่อเพราะมีอุปสรรคทางบ้าน บิดาป่วย ต้องลาออกเพื่อช่วยเหลือครอบครัว วัยหนุ่ม ติดตามหลวงลุงไปประเทศมาเลเซีย แล้วกลับมาทำงานเหมืองแร่และสวนยางที่ภูเก็ต

พ.ศ. 2472 อายุ 18 ปี

บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดอุปนันทาราม ตำบลเขานิเวศน์ จังหวัดระนอง ได้เป็นครูใหญ่ในโรงเรียนประชาบาล เงินเดือนๆ ละ 25 บาท และได้เรียนนักธรรมไปด้วย สอบนักธรรมตรีได้ที่ 1 ทั้งมณฑลภูเก็ต หัวข้อกระทู้ธรรมในการสอบครั้งนั้น คือ “น สิยา โลกวฑฺฒโน – ไม่ควรเป็นคนรกโลก”

พ.ศ. 2474 อายุ 20 ปี

อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดนางลาด ตำบลเขาเจียก อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง โดยมี พระครูจรูญกรณีย์ เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ. 2475

เทศน์ครั้งแรก ที่วัดปากนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2476 ร่วมธุดงค์ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่ประเทศพม่ากับพระภิกษุชาวอิตาเลี่ยนชื่อ “พระโลกนาถ”

พ.ศ. 2480

ไปจำพรรษาที่สวนโมกขพลาราม ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมร่วมกับท่านพุทธทาส (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) และท่าน บ.ช.เขมาภิรัต (พระราชญาณกวี อดีตเจ้าคณะจังหวัดชุมพร ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) เป็น “สามสหายธรรม” ร่วมงานเผยแพร่พระพุทธศาสนากันมาตั้งแต่บัดนั้น

พ.ศ. 2484 – 2486

ศึกษาภาษาบาลีที่วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร จนสอบได้ประโยค 4 แล้วเกิดสงคราม มหาเอเซียบูรพา จึงไม่ได้เรียนต่อประโยค 5

พ.ศ. 2492

ไปจังหวัดเชียงใหม่เมื่อ 13 เมษายน 2492 เริ่มเผยแพร่พระพุทธศาสนาด้วยการปาฐกถาธรรม โดยสร้างโรงมุงใบตองตึงขึ้นในที่ของชาวบ้าน เทศน์ทุกวันอาทิตย์และวันพระ ออกเทศน์ตามหมู่บ้านโดยรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงและเขียนเรื่องลงหนังสือ พิมพ์ชาวเหนือ จนมีชื่อขึ้นที่เชียงใหม่ในนาม “ภิกขุ ปัญญานันทะ” ผู้สนับสนุนคนสำคัญคือ เจ้าชื่น สิโรรส ท่านเผยแพร่ธรรมะอยู่ที่เชียงใหม่ โดยจำพรรษาอยู่ที่วัดอุโมงค์ นานถึง 11 พรรษา (พ.ศ.2492 – 2502)

พ.ศ. 2497

เดินทางไปเผยแพร่ธรรมะยังทวีปยุโรป และร่วมประชุมกับขบวนการศีลธรรมโลก (M.R.A.) ที่เมืองโคช์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

พ.ศ. 2499

ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระปัญญานันทมุนี” เมื่อ 5 ธันวาคม 2499

พ.ศ. 2503

กรมชลประทานอาราธนานิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

23 พฤษภาคม 2503 ทำพิธีเปิดวัด อัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐานบนแท่นใน พระอุโบสถ และเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีประกาศแต่งตั้ง “พระปัญญานันทมุนี” เป็นเจ้าอาวาส วัดชลประทานรังสฤษฏ์ เริ่มปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนาให้เป็นไปเพื่อส่งเสริมสติปัญญา ตามหลักการที่ว่า “เป็นระเบียบ เรียบง่าย ประหยัด และได้ประโยชน์”

3 สิงหาคม 2503 แสดงพระธรรมเทศนา ถวายแด่สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโรฐาน

พ.ศ. 2506

ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้บวช ม.ล.ชอบ อิศรศักดิ์ เป็นคนแรก เมื่อ 6 พฤษภาคม 2506

พ.ศ. 2512

12 สิงหาคม 2512 เริ่มเปิดสอน พุทธศาสนาวันอาทิตย์ แก่เยาวชน โดยอาศัยสถานที่ของโรงเรียนชลประทานสงเคราะห์ จนกระทั่งปี พ.ศ.2527 เมื่ออาคารโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์สร้างเสร็จแล้ว จึงได้ย้ายมาเรียนมาสอนกันภายใน วัดชลประทานรังสฤษฏ์

พ.ศ. 2514

5 ธันวาคม 2514 ได้รับพระราบทานสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระราชนันทมุนี”

พ.ศ. 2518

ได้แสดงธรรมเทศนาถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2518 ณ วัดชลประทานรังสฤษฏ์

19 ธันวาคม 2518 ได้แสดงพระธรรมเทศนา ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชนีนาถ, องคมนตรี และรัฐมนตรีทุกท่าน ในพระราชพิธี พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รามาธิบดีอันมีศักดิ์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

พ.ศ. 2510

ได้รับรางวัล “สังข์เงิน” เป็นเกียรติในฐานะพระภิกษุผู้เผยแพร่ธรรมะยอดเยี่ยมประจำปี 2520 จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย

พ.ศ. 2521

ได้รับรางวัล “นักพูดดีเด่น” ประจำปี 2520 ประเภทเผยแพร่ธรรม จากสมาคมฝึกการพูด แห่งประเทศไทย เมื่อ 27 พฤษภาคม 2521

เริ่มแสดงปาฐกถาธรรม ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เวลา 08:00 – 08:30 น. สถานีวิทยุกระจายเสียง แห่งประเทศไทย ถ่ายทอดทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2521

พ.ศ. 2524

ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาครุศาสตร์) จากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อ 9 มกราคม 2524 เริ่มโครงการ “พระธรรมทายาท” อบรมพระภิกษุให้เป็นนักเผยแผ่ธรรมะที่ดี เป็น “ธรรมทายาท” มิใช่ “อามิสทายาท” ของพระบรมศาสดา

พ.ศ. 2525

ได้รับการยกย่องและคัดเลือกให้เป็น “บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา” ในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยได้รับรางวัล 2 รางวัล 2 ประเภท คือ ประเภท ก.บุคคล และประเภท ง.สื่อสารมวลชน (รายการส่งเสริมธรรมะทางสถานีโทรทัศน์) เมื่อ 28 ธันวาคม 2525

พ.ศ. 2526

จากผลการพัฒนาวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ของท่านปัญญานันทะ กรมการศาสนา ได้พิจารณาให้เป็น “วัดพัฒนาตัวอย่าง ปี พ.ศ. 2525” และสมเด็จพระสังฆราชทรงพอพระทัย ได้ประทานพัดพัฒนาไว้เพื่อเชิดชูเกียรติ เมื่อ 6 พฤษภาคม 2526

พ.ศ. 2530

ได้รับถวายปริญญาสังคมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาครุศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ 30 สิงหาคม 2530 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระเทพวิสุทธิเมธี” เมื่อ 5 ธันวาคม 2530

พ.ศ. 2532

ได้รับปริญญาคุรุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาครุศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทรวิโรฒ เมื่อ 30 สิงหาคม 2532 และ มหาวิทยาลัยอื่นๆ อาทิ จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์ ฯลฯ

พ.ศ. 2533

เป็นประธานจัดหาทุนสร้างตึกผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ (ตึก 80 ปี ปัญญานันทะ) โรงพยาบาลชลประทาน คณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมก่อตั้ง “ศูนย์สืบอายุพระพุทธศาสนา วัดชลประทานรังสฤษฏ์” (ที่ระลึก 80 ปี ปัญญานันทะ) เมื่อ 31 ธันวาคม 2533

พ.ศ. 2535

29 ธันวาคม 2535 รับถวายที่ดิน จำนวน 6 ไร่ เพื่อสร้างวัดปัญญานันทาราม ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีคณะศิษยานุศิษย์ โดยศูนย์สืบอายุพระพุทธศาสนา ร่วมจัดสร้างวัดปัญญานันทาราม เพื่อเป็นธรรมสมโภช 84 ปี ปัญญานันทภิกขุ

พ.ศ. 2537

ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระธรรมโกศาจารย์” เมื่อ 5 ธันวาคม 2537 เป็นเจ้าคณะภาค 18 เมื่อปี 2540 และลาออกเมื่อปี 2541

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

ปัจจุบันท่านปัญญานันทะ ดำรงตำแหน่ง “เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์” เป็นหัวหน้าพระธรรมทูต สายที่ 9, ประธานมูลนิธิพุทธทาส, ประธานมูลนิธิส่งเสริมแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ท่านแสดงปาฐกถาธรรมทุกวันอาทิตย์ เวลา 09:30 – 10:30 น. ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ แสดงปาฐกถาธรรมทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน เวลา 08:00 – 08:30 น. และท่านแสดงปาฐกถาธรรมตามหน่วยราชการ สถานศึกษา สมาคม บริษัทต่างๆ ตลอดจนเดินทางไปเผยแผ่ธรรมะและเยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่พระภิกษุสงฆ์ ที่ปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา จีน อิสราเอล อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อปัญญาได้ตั้งปณิธานที่จะทำงานชิ้นสุดท้ายในชีวิตของท่าน คือ การสร้างพระอุโบสถกลางน้ำ ที่วังน้อย อยุธยา ที่คาดหมายกันว่า อีก 2 ปี คงจะแล้วเสร็จสิ่งก่อสร้างนี้ ใช้งบประมาณกว่าร้อยล้านบาท พระอุโบสถกลางน้ำจะเป็นสถานที่ที่เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ของผู้สนใจในหลักธรรมะ เคยเห็นผู้ที่เดินทางไปเรียนหลักธรรมะจากอินเดีย จีน ถ้าอยากให้คนต่างชาติมาเรียนพุทธศาสนาในไทย ก็จะต้องสร้างแหล่งเรียนรู้ที่น่าศึกษาเรียนรู้ให้เกิดขึ้น “ตราบใดที่มีลมหายใจเข้าออก ต้องทำให้สำเร็จ ไม่สำเร็จ ไม่เลิก”


ที่มา หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เนื้อหาและภาพเป็นลิขสิทธิ์ของหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก – All contents are copyright of Kom Chad Luek. All Rights Reserved.