ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าสามารถเคร่งครัดกับตัวเองให้ออกกำลังได้สม่ำเสมอจริงจังได้นานเป็นปี ลำพังความตั้งใจอย่างเดียวอาจจะไม่สำเร็จ ขณะที่วิถีชีวิตดิจิตอลก็สามารถตอบสนองความต้องการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างนี้ ทุกวันนี้ผมจึงสามารถสนุกกับการออกกำลังกายได้ด้วยอุปกรณ์ตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า Nike + iPod Sport Kit
ผมติดตามการเปิดตัว Nike + iPod มาตั้งแต่เริ่มแรกที่อเมริกา ต่อมาผมตัดสินใจซื้อ iPod รุ่นที่ 5.5 ความจุ 30GB มาใช้งานด้วยหวังตั้งใจว่าจะได้มีเพลงฟังประกอบการเดินออกกำลังกายอย่างจริงจัง ครึ่งปีผ่านไป Nike + iPod ก็มาเปิดตัวที่บ้านเรา ไม่พลาดข่าวสารเป็นแน่ แต่สำคัญกว่านั้นมีข้อมูลแนะนำมากมายตามมาทำให้ไม่ลำบากใจเลยที่จะตัดสินใจจัดหามาใช้โดยพลัน
จนกระทั่งวันที่ 10 เมษายน 2551 หลังจากเดินเลือกซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติแล้ว เท้าผมก็พร้อมที่จะไปลองรองเท้าสำหรับออกกำลังกายคู่ใหม่
อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันจะมี
- รองเท้า Nike+ รองเท้าที่มีหลุมเล็กๆ อยู่ที่พื้นรองเท้าข้างซ้ายสำหรับบรรจุเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนที่ของผู้สวมใส่
- Apple iPod nano สำหรับ ใช้ฟังเพลงไปด้วย บันทึกและคำนวณการออกกำลังกายไปด้วย
- Nike + iPod Sport Kit ที่มีเซนเซอร์สำหรับใส่ในรองเท้าตัวหนึ่ง และตัวรับสัญญาณสำหรับเสียบเข้ากับ iPod nano ตัวหนึ่ง
ผมใช้เวลาเบิร์นอิน iPod nano เสียก่อนใช้งานจริงราวสามวัน จนกระทั่งบ่ายวันที่ 13 เม.ย. จึงเริ่มทดลองการใช้งานเสียก่อนใช้จริง เช้าวันรุ่งขึ้นจึงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นการออกกำลังเพื่อลดน้ำหนักตัวอย่างจริงจังเสียที ผมเข้าใจสถานการณ์ดีว่าต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะลดน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานอยู่มากกว่า 20 กิโลกรัม และ BMI ที่เกิน 30 ไปตั้งนานแล้ว
เวลาเกือบ 6 เดือนตั้งแต่ iPod เครื่องแรกนั้นเรียกได้ว่าเป็นการเตรียมร่างกายสำหรับการออกกำลังอย่างจริงจังไว้แล้วก็ว่าได้ วันแรกที่ใช้ Nike + iPod ผมสามารถเดินออกกำลังกายต่อไปได้ทันที ดีกว่าเดิมตรงที่จากนี้ไปสถิติในการเดินออกกำลังแต่ละครั้งจะถูกจัดเก็บไว้บนอินเตอร์เน็ต ผมสามารถเห็นลักษณะการเดินแต่ละครั้งได้อย่างชัดเจน การวางแผนการออกกำลังจะเป็นเรื่องที่เพิ่มความสนุกสนานให้กับการออกกำลังได้อีกไม่น้อย ตามประสาคนชอบวิเคราะห์ข้อมูล
เดินไป ประมวลผลไป วางแผนไป พยายามต่อไป จึงทำให้ผมสามารถเพิ่มสถิติการออกกำลังได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถออกกำลังได้มากกว่า 300 ครั้งแล้วในวันนี้
ผมสามารถรวบรวมสถิติของการออกำลังกายที่น่าสนใจมากมายได้อีกเป็นระยะอย่างเช่น
- วันที่สามารถทำระยะทาง 1 กิโลเมตรได้ภายในเวลาที่น้อยที่สุด ที่ 9 นาที 25 วินาที เมื่อครั้งที่ยังเดินอยู่
- ต่อมาปรับเป็นวิ่งเหยาะๆ ได้แล้วก็สามารถทำความเร็วเฉลี่ยตลอดการออกกำลังได้ดีที่สุด ที่ 5 นาที 29 วินาที ต่อ 1 กิโลเมตร อากาศเย็นยามเช้าช่วยได้มาก
- ในระบบของ Nike+ เองก็ยังให้รางวัลกับผู้ที่สามารถทำระยะทางได้ถึงเป้าหมายหนึ่งเป็นประกาศนียบัตรอีกด้วย
ในวันที่ครบรอบ 1 ปี วันที่ 13 เมษายน 2551 นี้ ผมจึงอยากรวบรวมสถิติทั้งหมดเอาไว้เสียหน่อย
- ถึงตอนนี้ได้ออกกำลังไปแล้ว 296 ครั้ง รวมเป็นระยะทาง 2,297.68 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 8 นาที 32 วินาทีต่อกิโลเมตร
- สถิติส่วนตัวที่สามารถทำได้ดีที่สุดมีดังนี้ ทำระยะทางได้ไกลที่สุด 11.11 กิโลเมตร ความเร็วที่ดีที่สุดในการทำระยะทางได้ 1 ไมล์อยู่ที่ 8 นาที 23 วินาที ความเร็วที่ดีที่สุดในการทำระยะทางได้ 5 กิโลเมตรอยู่ที่ 27 นาที 7 วินาที ความเร็วที่ดีที่สุดในการทำระยะทางได้ 10 กิโลเมตรอยู่ที่ 55 นาที 33 วินาที
- นอกจากนี้ยังได้รับเหรียญรางวัลเมื่อทำได้ตามเป้าหมาย (Goals) ที่ตั้งไว้ ได้รับถ้วยรางวัลจากการแข่งขัน (Challenges) ที่เข้าร่วมอีกหลายรายการ โดยแยกงานพิเศษ (Events) เอาไว้อีกส่วนหนึ่ง
- และเมื่อถึงระยะทางที่กำหนด (Milestones) ก็มีประกาศนียบัตรให้
- การแข่งขันที่เคยเข้าร่วมผ่านไปแล้ว 28 รายการ การแข่งขันที่กำลังแข่งกันอยู่ขณะนี้มี 10 รายการ
- Nike+ ยังมี Leader Board ที่จัดอันดับผู้ใช้ Nike+ ทั้งโลก สำหรับเฉพาะในประเทศไทยสามารถเลือกที่หน้า duration เพื่อดูระยะเวลาทั้งหมดที่สะสมไว้ได้ ระยะเวลาที่ออกกำลังมาจนครบ 1 ปีนี้ยาวนานถึง 327 ชั่วโมง 13 นาที 53 วินาที
ปกติแล้วเมื่อผู้ใช้เลือกดูข้อมูลจาก Leader Board ระบบจะเน้นชื่อของผู้ใช้ให้เด่นชัดขึ้น แต่ระบบมีปัญหาตั้งแต่ต้นปีมา ทางคณะผู้ดูแลระบบกำลังแก้ไขปัญหาอยู่
ชื่อที่ผมใช้สมัครเข้าเป็นสมาชิกในระบบคือ thanapat ที่อยู่เป็นชื่อแรกนั่นเอง
ข้อมูลสุดท้ายที่อยากบันทึกไว้ตรงนี้ด้วยก็คือน้ำหนักตัวที่ลดลงจาก 96.0 กิโลกรัมเมื่อเริ่ม ลดลงมาอยู่ที่ 88.5 กิโลกรัมเมื่อครบรอบหนึ่งปี ไม่ใช่เพราะการออกกำลังเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการควบคุมอาหาร และการอดล้างพิษแบบหนึ่งวันที่มีส่วนสำคัญให้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึงจุดนี้ เป้าหมายต่อไปก็คือต้องลดน้ำหนักตัวให้เหลือ 80.0 กิโลกรัมให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
ข้อมูลเพิ่มเติม