แต่ยังไงก็ตาม เราพูดอย่างนี้ เราต้องสนุกสนานหน่อย เพราะว่าเดี๋ยวนี้ค่อนข้างจะเป็นเวลาที่เครียด เราต้องยกตัวอย่างท่านนายกฯ ดูทีวีนายกฯเสียงแหบ หน้าเหี่ยว แต่ออกทีวีหน้าเหี่ยว เพราะเขาต้องไปแต่งตัว อย่างวันนี้ก็คงตบแต่งดี เพราะมีทีวี ทีวีก็คงว่าตรงนี้ต้องอย่างนี้ แต่งนิดหน่อย หล่อขึ้นเยอะ
นี่แหละ ไม่พูดเฉพาะท่านนายกฯ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องยกตัวอย่างผู้ใหญ่ ยกประธานองคมนตรี ประธานศาลฎีกา ศาลปกครอง ศาลตั้งกี่ศาล ศาลที่มาเป็นประธานทั้งนั้น เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ที่นี่มีผู้ใหญ่มาก ข้างนอกไม่มีโอกาสเข้ามาเลย มีแต่ผู้ใหญ่ ยังไงก็แขวะผู้ใหญ่เป็นแถวเลย รวมอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เราก็แขวะคนเดียว ไม่งั้นมันเหนื่อยถ้าต้องแขวะทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นอารัมภบทเท่านั้นเองว่าไม่ต้องแขวะไกล แขวะนายกฯ คนเดียว ก็แขวะทุกท่านหมดเลย
นี่ก็จำไม่ได้แล้วว่าจะพูดเรื่องอะไร เมื่อจำไม่ได้แล้วก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ท่านเข้าใจว่าคนเราต้องพูด ต้องแขวะ เพราะถ้าไม่แขวะจะไม่ได้อะไรเลย ถ้ามาบอกโห…ท่านเก่ง ท่านดี ท่านอะไรทุกอย่าง ไม่ได้ผล ลงท้ายท่านก็ลืม ลืมว่าท่านทำอะไร ถ้าลืมว่าท่านทำอะไร อันตราย ถ้าลืมว่าทำอะไรมันอันตรายทั้งนั้น เดี๋ยวท่านเกิดมี Bright Idea (ไบรท์ ไอเดีย) ต้องพูดภาษาอังกฤษนะ มีไบรท์ ไอเดีย ว่าทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ ก็เลยเสียหาย
เมื่อเช้าที่ฟังท่านพูดถึงเด็กต้องเรียนรู้ ก็มีอันหนึ่ง เด็กเรียนรู้ได้ ไม่เท่ากัน บางคนถ้าเราให้เด็กเรียนรู้ อายุ 8 ขวบเขาเก่งเท่ากับอายุ 30 แล้วเก่งจริงๆ เราสู้ไม่ไหว แต่ว่าถ้าตรงข้าม นึกว่าเด็กถ้าเขาฟัง เขาเรียน บางคนเรียนไม่ไหว เรียนไม่ได้ หรือเรียนบางวิชาได้ บางวิชาเรียนไม่ได้ นั่นก็ต้องแบ่งแยกออกไป เป็นพวกที่เรียน จะเรียกว่าเรียนเก่ง เรียนได้ หรือไม่ได้
เมื่อวันจันทร์ก่อน มาจากหัวหิน ได้พบพวกราชประชานุเคราะห์ และพวกสื่อสารทางดาวเทียม ท่านรัฐมนตรีศึกษาก็มานั่ง เมื่อท่านเป็นผู้ใหญ่ในที่นั้น ก็ต้องแขวะท่านว่า ศึกษามีอะไรแปลกๆ ไม่ได้บอกว่ามีอะไรแปลก เพราะว่าเดี๋ยวโกรธ แต่ว่าก็มีอะไรกันแปลกๆ ก็มาฟ้องท่านนายกฯ ฟ้องหรือเปล่า ไม่ได้ฟ้อง เพราะว่าท่านทำหน้าชอบกล คือลำบากที่ว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีบางทีมีความคิดแปลกๆ นั่นเอง แล้วก็ที่เรียกเมื่อตะกี้ว่า ไบรท์ ไอเดีย มีไบรท์ ไอเดีย ทำโน่นทำนี่ ท่านผู้ใหญ่ต้องระวัง
ท่านมีไบรท์ ไอเดีย ต้องแปล ไบรท์ ไอเดีย ความคิดที่สว่างไสว เรารู้ถึงคำว่า ไบรท์ ไอเดีย เพราะว่าในการ์ตูน เราดูการ์ตูน เวลาคนไหนมีไบรท์ ไอเดีย เกิดมีไฟขึ้นมาบนหัว แต่ว่าท่านนายกฯ มีไบรท์ ไอเดีย ต้องมีดาวเทียม ท่านนายกฯไม่มีไฟ ไม่มีหลอดไฟ แต่ก่อนนี้เรามีหลอดไฟ สมัยนี้ต้องมีดาวเทียมอยู่บนหัว ท่านนายกฯ มีไบรท์ ไอเดียเรื่อย แต่ตอนนี้ท่านรัฐมนตรีศึกษาท่านก็มีไบรท์ ไอเดีย แล้วก็ท่านไม่ใช่หลอดไฟ ท่านเป็นดาวเทียมเหมือนกัน เพราะว่าท่านชอบการศึกษาผ่านทางดาวเทียม
ถ้าคนที่มีไบรท์ ไอเดีย หมายความว่า เป็นคนที่สว่างไสวในสมอง ก็เก่ง ก็ดี แต่บางคนดาวเทียมมันพัง อย่างเรา เราอยู่ที่หัวหิน ทำไปทำมา ดูทีวี เราดูทีวี เราดูการ์ตูน แล้วการ์ตูนก็ฉับๆๆๆ ดาวเทียมมันเสีย มันก็เลยแย่ ดาวเทียมของเราที่เข้าเครื่อง ที่นี่ดูดาวเทียม ที่สวนจิตรฯนี่ก็เหมือนกัน เดี๋ยวฉับๆๆๆๆ แต่ว่า ทั่วๆ ไปไม่ควรจะมีเสีย นี่ถ้าเราดูโทรทัศน์ โทรทัศน์ต้องอาศัยดาวเทียม กำลังดี เรื่องกำลังสนุก ฉับๆๆๆๆ เลยไม่รู้ว่าอะไร
ถ้าแต่ก่อนนี้ไปเป็นโทรทัศน์แบบเก่า มันก็มา บางทีก็มีซู่ๆๆๆ นิดหน่อย แต่ก็ยังรู้เรื่อง เวลาดาวเทียมมันฉับๆๆๆ มันไม่รู้เรื่อง ถ้าหากว่าก้าวหน้ามาก บางทีทำให้ไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นต้องระวัง เด็กบางคนดาวเทียมดี เด็กบางคนดาวเทียมไม่ดี แต่ว่าส่วนมากดาวเทียมไม่ดี ก็ต้องพยายามที่จะช่วยคนที่ดาวเทียมไม่ดีให้เขาได้มีความรู้พอควรกับสมองเขา คนที่มีสมองดีก็เข็นให้เขาได้ดีขึ้น
สำหรับเรื่องอย่างนี้ สมเด็จกรมหลวงนราธิวาสฯ ท่านสนพระทัยมาก เรื่องสมองของเด็ก แล้วก็ท่านอยากที่จะให้เด็กได้มีโอกาสเรียน เรียนรู้ให้ดี เต็มที่ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเรื่องที่จะต้องสนับสนุนให้เด็กๆ ได้ไปแข่งขัน แต่ก่อนนี้เมืองไทยนี่ พวกที่เรียนเลข เมื่อ 50 ปี นับว่าเรียนเก่งมาก ต่อมาค่อยๆ ด้อยลง แต่เดี๋ยวนี้เด็กก็ดีขึ้นแล้ว คือ ถ้าเราเอาใจใส่เด็ก เพื่อให้ได้ความรู้ที่สูง แล้วก็ให้เขาสามารถที่จะเรียนสูงขึ้นไปต่อไป ถึงขั้นมหาวิทยาลัย ถึงขั้นปริญญาโท ปริญญาเอก ให้ได้เรียนได้ แล้วก็มีโอกาสมาปฏิบัติ
มีตอนหนึ่งได้เป็นปริญญาเอก กลับมาใจไม่สบาย ไม่มีที่ทำงาน เดี๋ยวนี้ก็มีที่ทำงาน แต่บางทีก็ไม่เหมาะสมกับงาน กับความรู้ที่มี อันนี้ที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะนายกฯ ทักษิณนี่มีความตั้งใจที่จะให้มีการงาน ให้เด็กที่มีความรู้ดี มีความสามารถดี ได้ทำงานได้ เพื่อที่จะให้มาช่วยส่วนรวม อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ
ที่พูดว่าเมืองไทยนี่ต้องมีคนที่สามารถคิด เขาเรียกว่า วิสัยทัศน์ เดี๋ยวนี้คำว่าวิสัยทัศน์เขาแปลเป็นคนละอย่าง แต่วิสัยทัศน์นี่เรียกว่า เมื่อ 2-3 ปี ทราบว่าคนมีวิสัยทัศน์ มีวิชั่น ภาษาฝรั่งเขาเรียกมีวิชั่น วิชั่นก็มีสายตา เหมือนสายตาที่เห็นอะไร มีวิชั่น แต่ว่าทางโบราณก่อนสัก 20 ปี มีวิชั่นก็หมายความว่าคนที่เห็นอะไรแปลกๆ คือ บ๊องๆ เห็นอะไรที่ขึ้นมา แล้วก็เวลาเห็นอะไรแล้วก็หัวเราะกั่กๆๆๆ
ทีหลังวิชั่น เขาว่ามีวิสัยทัศน์ ทัศน์ที่เป็นวิสัย ที่เป็นไปได้ รู้ว่าอะไรเป็นไปได้ วิสัยทัศน์ในความหมายนี้ควรจะใช้อย่างมีวิสัยทัศน์ คือ มีวิชั่นก้าวหน้า มีความรู้ก้าวหน้า ผู้ใหญ่ต้องมีวิสัยทัศน์ ถ้าไม่มีวิสัยทัศน์อย่ามาเป็นผู้ใหญ่ดีกว่า เพราะว่าเละไปหมด ถ้าหากว่ามีวิสัยทัศน์ ดูอะไรรู้หมด ดูอะไรเป็นความจริงไปหมด ขึ้นว่าเป็น เป็นที่ใช้ได้
จำได้ว่าที่สะพานพระปิ่นเกล้า บอกว่า อยู่ตรงนี้ต้องตัดถนนให้มันคล่องแคล่ว มิเช่นนั้นถ้าไม่ตัดถนนให้มันคล่องแคล่ว รถที่มาจากถนนราชดำเนินขึ้นสะพานก็ไม่ได้ ถนนราชดำเนินมี 6 เลน แต่ว่าสะพานมี 3 เลนเอง แล้วก็เป็นคอขวด ถ้าอยากทำต้องทำให้มันแล่นสะดวก จำได้ว่าวันนั้นท่านบัญญัติ มาพูดถึงว่าต้องเข้ากรรมการจราจรอะไรนั่น บอกว่าไม่ทัน จราจรเขาก็บอกว่าต้องทำอุโมงค์มุดลงไป เจาะอุโมงค์เนี่ยไปเจอะน้ำ เจอคลอง ก็ต้องใช้เงินเป็นกี่ร้อยล้าน ร้อยล้านเวลานั้นรู้สึกมาก ทำไม่ได้ ต้องกินเวลากี่เดือนก็ไม่รู้กว่าจะสร้างได้
เราบอกไม่ต้องไปตรงเลย ทำให้มันไปโดยดี เลี้ยวให้นิ่ม ลงท้ายความจริงหลอกท่านรองนายกฯตอนนั้น หลอกท่านว่าที่จริงรถที่จะมาสร้างมันอยู่ข้างหลังกำแพง พอเสร็จแล้วท่านบอกว่าตกลงจะไปเข้ากรรมการอะไร จราจรก็สั่งเลย 2 เดือนเสร็จ แล้วก็รู้สึกว่าคนก็พอใจ ขอโทษด้วยมาพาดพิง แต่ว่าเมื่อต้องทำอะไรที่ไม่ง่าย แล้วจนทุกวันนี้มันแล่นไปดี ถ้าตรงนั้นเป็นคอขวด ที่อื่นก็เป็นคอขวดหมดแล้ว แต่คอขวดอันนี้แล่น 3 ช่อง ไปใช้สะพานพระราม 8 อีก 2 ช่อง เป็น 5 ช่อง ก็เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแน่น
เมื่อทำได้แล้วก็ต้องแขวะท่านนายกฯ ตอนนี้เข้ามาทำการจราจรง่าย ให้ท่านทำ ตอนนั้นเป็นรองนายกฯ รองนายกฯฟัดกับคุณสมัคร คุณสมัครท่านเป็นรัฐมนตรีคมนาคม รองนายกฯ เหมือนกัน รองกับรอง รองนายกฯสมัครบอกไม่เป็นไร มาจากข้างนอก มุดใต้แม่น้ำ แล้วจะโผล่ที่ไหนไม่ทราบ โผล่มา ท่านรองนายกฯทักษิณรออยู่ข้างบน ไม่พบกันเลย ข้างบนข้างล่างไม่พบกัน ก็เลยเป็นโครงการ ท่านสมัครมุดลงไป หลับหูหลับตามุดไปออกทางนู้น สนามกีฬา ทางตะวันออก ไปเจออะไร ข้ามแม่น้ำไป แล้วไปไหน
แต่ของเราข้ามแม่น้ำ ก็ขึ้นลอยฟ้า ก็เลยทำให้ปรองดอง รองนายกฯ กับรองนายกฯ นี่ก็เล่าให้ฟังแปลกๆ เราก็ต้องอวด และโม้ว่า ทำให้รองนายกฯทั้งสอง ทำไปทำมานับว่าดีพอสมควร จราจรเรียบร้อยแล้ว
แต่ที่สำคัญเรื่องที่ฟัง เห็นว่า เด็กๆ จะต้องสามารถเรียนรู้ เรียนให้ทำงาน เพื่อช่วยบ้านเมือง ถ้าเด็กไม่มีความรู้ ช่วยบ้านเมืองไม่ได้ บ้านเมืองไปไม่รอด เพราะเด็กมัวแต่ไปเสพยาเสพติด สูบบุหรี่ ไม่ดี เสพยาไม่ต้องบอกหรอกว่าเสียหายยังไง แต่บุหรี่นี่หูเสีย ตาเสีย สมองเสีย เส้นเลือดเสีย หัวใจด้วย
เมื่อ 10 กว่าปีที่ต้องเข้าโรงพยาบาล มาเจาะหัวใจ 3 ครั้ง ถึงเดี๋ยวนี้ หัวใจสบายมาก เมื่อเลือดเดินดี ก็แข็งแรง แต่ว่ามันมีอื่นๆ ที่มาจากวิธีเจาะหัวใจนี่ ไปเจาะหัวใจนี่สบายมาก จนกระทั่งทำให้มีความคิด ความรู้เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ แล้วก็ได้ไปช่วยเพื่อนที่เป็นโรคแบบเดียวกัน เป็นอย่างนี้ ไปหาหมอเจาะหัวใจ ไปเจาะหัวใจทันที เขาก็ไป เพื่อนเขาเป็นกีตาร์ เล่นกีตาร์หงอย เพราะว่าหัวใจมันตัน ก็ไป เขาก็ไปทำ ไม่กี่วันกลับมายิ้มแย้มแจ่มใสเล่นกีตาร์เลย สบายมาก
คือที่ไปเจาะหัวใจ ได้ความรู้ว่าเจาะหัวใจนี่มันมีประโยชน์ เราก็ให้ไปเลย ก็มีหมอที่ดีก็ช่วย เมื่อช่วยแล้วกลับมาเขาต้องไปทำ 2 ครั้ง หมอหลวงก็บอกให้คุณนั่นน่ะ ที่พระเจ้าอยู่หัวให้ไปน่ะ ดี เคราะห์ดี ไม่อย่างนั้นตาย จริง แต่ก็ต้องขอให้หยุดสูบบุหรี่ เขาสูบบุหรี่มาก พี่ชายเขาก็สูบ ตายแล้ว พ่อก็สูบ ตายแล้ว ก็เหลืออยู่คนเดียว เขายังไม่ตาย แล้วก็ปลอดโปร่ง ไปเข้าเรียน เรียนขั้นความรู้สูง ตอนแรกเขาไม่มีความรู้ ได้เรียนได้ แล้วก็บุหรี่นี่ไปทำให้หัวใจเขาเสีย ไม่ใช่ใจเสียนะ หัวใจเสีย แล้วก็ไปทำครั้งแรก เรียนได้ ตอนนี้ก็กำลังเรียน เกือบจบแล้ว อายุมาก ก็ไม่ใช่เด็กๆ เขาก็ได้มีชีวิตที่ดี
ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังว่า คนที่สูบบุหรี่ สมองก็ทึบ ทำไปทำมาก็ทึบขึ้นทุกที เพราะว่าเส้นเลือดในสมองมันตีบ มันเล็ก คิดอะไรไม่ออก ตอนแรกนึกว่าคิดออก แต่ทีหลังมันก็คิดไม่ออก ทีแรกนึกว่าคนเราสูบบุหรี่ทำให้กระฉับกระเฉง ตรงข้าม ไม่กระฉับกระเฉง ทำให้รู้สึกว่าทึบ สมองมันทึบ สมองมันตัน ก็เลยเห็นว่าเลิกสูบบุหรี่ดีกว่า เห็นมีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ แล้วก็ห้ามขายบุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ที่จริงเด็กอายุ 50 ก็ควรจะห้าม
ส่วนเด็ก เด็กเขาไม่เชื่อนายกฯ สูบบุหรี่ เล่นคาราโอเกะ อะไรๆ ไม่เชื่อ ก็เรียนอะไรไม่ได้ นายกฯ ต้องไปเจรจาให้เด็กๆ อายุ 10 ขวบ ถึง 20 ขวบ เรียกให้เขาตั้งอกตั้งใจเรียน แล้วก็ต่อไปอีก 80 ปีข้างหน้า 70 ปี เขาก็จะได้ทำงานได้ดี และถ้าเด็กได้ทำงาน 70 ปี เมืองไทยจะไปขนาดไหน ไปถึงดวงดาวได้ ทำให้เมืองไทยมีชื่อเสียงได้
ถ้าเราไม่ระวังเดี๋ยวนี้ ต่อไป 80 ปี พวกเด็กสมัยนี้ที่ไม่ระวัง ไม่ถึง 80 ปี สูบบุหรี่นี่ ตอนอายุมากๆ แต่เดี๋ยวนี้ได้ยินว่า บุหรี่ชักดีขึ้น แต่เด็กไม่ดีขึ้น นี่ก็พูดอย่างนี้เด็กๆ โกรธ เมื่อเด็กๆ อยากสูบบุหรี่ ก็สูบนิดหน่อยให้ได้ชื่อว่าสูบ เราเองก็เริ่มสูบตอนเด็กๆ บุหรี่จริงไม่มี สูบไม้แห้งๆ เด็กๆ เล่นสูบ ต่อมาอายุ 18 ได้สูบบุหรี่
ตอนนั้นสมเด็จพระบรมราชชนนี ท่านบอกว่า เด็กๆ ห้ามสูบบุหรี่ เด็กๆ หมายความว่า ลูกท่านต้องอายุ 18 ก่อน แต่ตอนนั้นอายุ 18 หลังสงครามพอดี พวกทหารฝรั่งเขามีกระป๋องสำหรับทหาร มีอาหารยังชีพ แล้วมีบุหรี่ มีบุหรี่กี่มวนล่ะ 6 มวนในนั้น คนก็ให้ เราก็ลอง ตอนนั้นอายุ 18 นานๆ ไปก็เลยชิน แต่ก็บุหรี่อย่างนั้นก็หมดไป เพราะหลังหมดสงคราม แต่ต่อมามีเกี่ยวข้องกับเรื่องบุหรี่นี่ มีพี่เขยน้องเขยเขาสูบบุหรี่ ก็เลยสูบบุหรี่บ้าง ตั้งแต่นั้นสูบบุหรี่มาจนทีหลังมีอาการหัวใจ หมอก็บอกเลิกสูบบุหรี่ ก็ไม่เชื่อหมอ ก็ยังมีอาการหัวใจต่อ
จนกระทั่งหลังมีบุหรี่อยู่ในห้อง ไม่ไหว วางเอาไว้บนโต๊ะ ในซองบุหรี่มี 10 มวน วางเอาไว้ ไม่แตะอีกเลย เขาบอกว่าให้เลิก เราก็เลิกทีละมวน ทำไปทำมาเราก็เอาหนังสือราชการวางทับ บุหรี่ก็อยู่ใต้หนังสือราชการ ไม่รู้ เดี๋ยวนี้เขาคงเอาไปทิ้งหมดแล้ว แต่ว่าอยู่ตั้งนาน อยู่ใต้ตั้งหนังสือเนี่ย เข้าใจว่าประมาณปีหนึ่งไม่ได้แตะ เพราะว่าถ้าไปแตะต้องไปขุดหนังสือราชการ หมายความว่าคงลึก
หนังสือราชการนะ ไม่ใช่ทำราชการ หนังสือราชการมา ก็ทำๆ แล้วก็ตั้งต่อ แล้วก็ตั้งอยู่สูง เดี๋ยวนี้หนังสือราชการด่วนที่สุด ขึ้นมาถึงสูงเท่านี้ ทีหลังก็ขุดๆๆๆๆ แต่ยังมีด่วนมาก ด่วนที่สุด ได้ทำ 3 ธ.ค.ทำเสร็จแล้ววันนี้ ช้าไป 1 วันเท่านั้นเอง แต่ด่วนมากเดือน พ.ย. 2 อาทิตย์ ต้องไปขุด เดี๋ยวกลับไปต้องไปขุด กลับออกไปต้องไปหัวหิน นี่เดี๋ยวถ้าจะพอแล้ว เพราะไม่งั้นเดี๋ยวไม่ได้นอน ถ้าไม่นอนเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นไม่ไหว เป็นอย่างนี้เสมอ
ถึงวันเกิดนี่ วันเกิดก็มีการพบปะอย่างนี้แล้วก็จะต้องไปนอน เดี๋ยวไม่ได้นอน ขึ้นไปหาสมาคมจะร่วงลงไปทุกคน เพราะว่ามันสูง ขานี่มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยต้องเตรียมตัว แต่อย่างไรก็ตาม ได้มาพูดค่อนข้างจะยาว อ้อ…พอดีเวลา เหลือ 2 นาที ให้ดนตรีลุกขึ้นได้ ก็ขอให้ท่านที่มาที่นี่ได้มีความแจ่มใส วันนี้รู้สึกว่าท่านจะแจ่มใสดี ต้องแจ่มใส เพราะว่าถ้าไม่แจ่มใส ทำงานไม่ได้ ต้องให้ท่านทำงานได้ดีๆ แล้วก็คิดถึงงานที่มี ที่จะต้องทำ ทำให้ดีๆ ไม่ทำให้เละ ถ้าทำให้เละ ประเทศชาติก็เละ ก็ขอให้มีความสุข ความสำเร็จทุกประการ”